Saturday, November 14, 2009

รายงานการไปร่วมกิจกรรมปลูกป่า Toyota Green trekking ครั้งที่ 2 ที่ชะอำ












ผมมีโอกาสไปร่วมงาน Toyota Green trekking ครั้งที่ 2 ที่ชะอำ เลยเอาจดหมายที่คุยกับเพื่อนๆที่ไปด้วยมาเล่าให้ฟังครับ

สวัสดีเพื่อนๆร่วมทริปทุกคนครับ

ผมยุทธ กับน้องเน็ตที่นั่งในรถคันที่ 1 นั่นแหละครับ คงจำกันได้
ได้ไป เที่ยวและทำกิจกรรมร่วมกันครั้งนี้สนุกครับ โดยเฉพาะกับอาหารเย็นที่อร่อย และคอนเสิร์ตตอนค่ำ มาตอบเมลล์ช้าไปหน่อยเพราะกลับมาถึงบ้านเย็นวันอาทิตย์ 8 พย พอเช้าวันจันทร์ก็เจอไฟลท์ TG634 7โมงเช้าไปเกาหลีต่อ อยู่ที่เกาหลี 5วันถึงกลับ นี่ก็เขียนเมลล์ที่โรงแรมตอนวันที่ 12พย 4 ทุ่มกว่าๆ หลังจากกลับจากไปเดินเล่นที่เมียงดอง อากาศหนาวชมัด แล้วเราดันเอาเสื้อกันหนาวอย่างบางไปอีก เพราะพยากรณ์อากาศบอก 18-20 องศา พอมาถึงเกาหลีแล้วตอนกลางคืนไปเดินเล่นมันเย็นซะ 5-6 องศาได้มั้ง เสื้อเอาไม่อยู่เลย ลมพัดแรงๆมาทีนี่แทบจะแข็งอยู่บนถนนเลย

กลับมาเรื่องทริปต่อ ผมมาถึงจุดนัดพบที่ RCA ตอน 6.15 เพราะเมลล์ที่ได้รับครั้งแรกบอกว่าเจอกัน 6.30 มาถึงมีคนรออยู่ก่อนแล้ว 1 คน (หลังจากกลับมาถึงบ้านแล้วถึงได้อ่านเมลล์ฉบับหลังจากทีมงานว่าเปลี่ยนเป็น เจอกัน 7.00) รอกันไปเรื่อยๆ คนก็ทะยอยมากัน จน 7.20 จึงเริ่มตั้งโต๊ะเช็คชื่อทุกคน พร้อมแจกเสื้อยืด รถออกตอน 8 โมงเช้าโดยมีพี่อ้อยชวนคุยไปตั้งนาน พอท้องชักร้องก็มีอาหารว่างแจกรองท้องไปก่อน นั่งหลับๆตื่นๆไปฟื้นอีกทีก็ร้านปลาทูก็ 11 โมงกว่าแล้ว รอสักพักก็ได้กินข้าวเที่ยงมื้ออร่อย เป็นอาหารทะเลซะด้วย ที่ประทับใจก็ตอนที่ผู้ร่วมงานฝ่ายโตโยต้ามาถึง เพราะกลุ่มผมกลุ่ม 2 นกกระแตแต้แว้ดได้ร่วมโต๊ะกับเจ้าหน้าที่โตโยต้าที่มาจากบ้านโพธิ์ ทำงานอยู่ในคลังสต็อคอะหลั่ย แต่ลืมชื่อไปแล้ว เขาคุยสนุกมาก คุยไป กินไป เพลินเลย กะพงทอดราดน้ำปลาอร่อยครับ ยำ3กรอบก็อร่อย ปลาทูทอดก็ดี อร่อยไปหมด

พออิ่มแล้วก็ขึ้นรถบัสไปเข้าศูนย์ศึกษา ธรรมชาติเพื่อเริ่มปลูกป่ากัน หลังจากนั่งรอในเต้นท์ ทำพิธีเปิดงาน ถ่ายรูปร่วมกันเป็นที่ระลึกแล้วก็เริ่มแยกกลุ่ม แบ่งตามสี แล้วเข้าไปหาความรู้ด้านในตึกซึ่งเจ้าหน้าที่ของ WWF บรรยายให้ความรู้ได้ดี แถมต้องเก็บข้อมูลเตรียมตอบคำถามเอาคะแนน เลยจดกันยิกๆเลย ลูกผมยังจดได้ตั้ง 6 หน้า ที่เด็ดสุดในอาคารคงเป็นตอนเข้าไปดูวีดีโอกิจกรรมของโตโยต้าในห้องแอร์เย็น ถูกใจมาก เป็นวีดีโอที่น่าสนใจจริงๆและทำให้ได้รู้ว่าโตโยต้าทำอะไรไปบ้าง งวดหน้าไปเที่ยวแปดริ้วจะหาโอกาสไปดูป่า 1แสนต้นที่บ้านโพธิ์ หรือถ้าโตโยต้ามีการจัดให้เยี่ยมชมโรงงานก็อยากไปดูจริงๆ เพราะโตโยต้าขึ้นชื่ออยู่แล้วเรื่องกระบวนการปรับปรุงการผลิตและคุณภาพอย่างต่อเนื่องจนได้เป็นอันดับ 1 ของโลกในตอนนี้ หลังจากดูวิดีโอจบแล้วก็ออกมาตั้งหลักข้างนอก รับกระดาษคำตอบแล้วก็ตอบคำถามทั้ง 10 ในเวลาแป็ปเดียว เพราะทุกคนตั้งใจฟังตอนอยู่ในอาคารมาดีมาก

จาก นั้นก็พาไปดูเส้นทางเดิน trekking ศึกษาธรรมชาติ แจกกล้องส่องนก แล้วก็แยกย้ายกันไปปลูกต้นไม้ กลุ่มสีชมภู นกกระแตแต้แว้ด จุ๊กกรูของผมก็เดินข้ามถนนไปปลูกต้นไม้ที่อยู่ริมถนนเลย เขาไม่ได้บอกว่าต้นอะไร ถามใครก็ไม่มีใครรู้ แต่ที่แน่ๆคือผมกับเน็ตปลูกไป 3 ต้นและจำไว้แล้วว่าอยู่ตรงไหน แถมถ่ายรูปเป็นหลักฐานด้วย ต่อไปเวลาที่พาครอบครัวไปเที่ยวหัวหิน ซึ่งไปอยู่แล้วปีละ 2-3ครั้ง ผมจะต้องพาไปที่ศูนย์ศึกษาธรรมชาตินี่แน่ๆ เพราะจะต้องกลับไปดูเจ้า 3 ต้นที่ปลูกมากับมือว่าเป็นอย่างไรบ้าง น้องเน็ตเองก็จะต้องตามไปดูแลต้นไม้เหล่านี้ไปอีกเป็นสิบๆปี และแน่นอนว่าน้องเน็ตจะถ่ายทอดเรื่องนี้ต่อไปให้ลูกของเขาในอนาคตเช่นกัน เหมือนกับที่ผมกำลังสอนเขาอยู่ในตอนนี้ ก็อย่างที่ผมบอกทุกคนตอนเปิดงานที่เต้นท์แหละครับว่า เรื่องการปลูกป่า อนุรักษ์ธรรมชาตินั้นเราต้องทำต่อเนื่องไป หยุดไม่ได้ ต้องส่งต่อจิตสำนึกนี้ให้คนรุ่นต่อไป ส่งต่อไปให้คนรอบตัวเราด้วย ยิ่งเราสามารถส่งผ่านจิตสำนึกที่จะรักษาสิ่งแวดล้อมต่อไปมากเท่าไร โลกเราจะดีขึ้น สิ่งที่โตโยต้ากับกรีนเวฟและพวกเราลงทุน ลงแรงไปก็จะไม่สูญเปล่า ผมเคยปลูกต้นไม้มาแล้วสมัย 25 ปีที่แล้วตอนเรียน ม4 ตอนนั้นมันเป็นต้นกล้าเล็กๆสูงไม่ถึง 6 นิ้ว เดี๋ยวนี้พอผมผ่านไปที่โรงเรียนเดิมทีไร ผมจะพาน้องเน็ตไปบอกว่านี่เป็นต้นไม้ที่พ่อเคยปลูกไว้เมื่อ 25 ปีที่แล้ว และทุกวันนี้มันเป็นต้นที่ใหญ่มากๆ สักวันหนึ่งเน็ตจะต้องทำแบบเดียวกัน และเขาก็เพิ่งเริ่มปลูกต้นไม้ไป 3 ต้นตอนทริปที่ชะอำนี่เอง อีก 20-30ปีข้างหน้าเน็ตคงกลับไปที่ศูนย์ศึกษาธรรมชาติที่ชะอำเพื่อบอกกับลูกเขา แบบเดียวกัน

พอ ปลูกป่าเสร็จ ก็แยกย้ายกันขึ้นรถ กลุ่มผมขึ้นรถตู้ไปที่จุดปล่อยตัวเริ่มเดินศึกษาธรรมชาติ กลุ่มสีชมภูไปถึงเร็วไปมากๆ เลยต้องรออยู่ที่จุดปล่อยตัวตั้งนาน 20กว่านาที ตอนนี้เวลาว่างมาก เลยนั่งชมนกชมไม้ไปเรื่อยๆ ผมในฐานะเป็นคนสูงอายุในกลุ่ม เลยโดนเลือกให้เป็นผู้นำกลุ่ม คอยถือใบคะแนนกับส่งคำตอบให้กรรมการตลอดการแข่ง ด่านแรกเจอกับต่อภาพต้นแสมในเวลา 1 นาที ทีมของเราทำเสร็จทันเวลาพอดี ด่านนี้ได้ความรู้เรื่องต้นแสมเพียบเลย จำแม่นล่ะ

จาก นั้นก็เข้าด่าน 2 ระหว่างทางต้องหาตัวอักษรที่ซ่อนไว้ระหว่างทางด้วย แถมเจอกับเกมถอดรหัสตัวเลขอีก เดินข้ามสะพานแขวนสวยๆไปแล้วไต่ขึ้นหอดูนก ไปฟังเสียงนก 4-5 ตัวมั้ง แล้วทายเสียงที่ได้ยิน เสียงที่ให้ทายเป็นเสียงนกกระแตแต้แว้ด (ชื่อทีมของเราเอง) ซึ่งเสียงมันมีเอกลักษณ์จำง่ายดี แล้วที่ศูนย์นี้ได้ยินเสียงมันเยอะมาก พอรู้จักเสียงมันแล้วคราวนี้รู้เลยว่ามันอยู่กันเยอะ ได้รู้จักเสียงนกอีกหลายอย่าง ซึ่งแน่นอนว่าเด็กๆอย่างน้องเน็ตก็จำแม่น และทายถูกอีกตามเคย

พอ ทายเสร็จแล้วก็ไปเข้าด่าน 3 ให้ดูรูปปลาตีน แล้วเรียงจากเล็กไปหาใหญ่ 3 ภาพ จากทั้งหมด 9 ภาพ คราวนี้ยากขึ้นแฮะมันรูปปลาตีนทั้งนั้นเลย เลือกไม่ถูก แต่ในที่สุดทีมเราก็เลือกถูก 2 ใน 3 ด่านนี้ก็ทำให้เรารู้จักปลาตีนมากขึ้นไปอีก

ระหว่างทางเดินจากด่าน 3 ไป 4 นี่เจ้าหน้าที่นำทางก็ชวนคุยไปตลอดทาง สอนให้ดูต้นไม้ ดูปูเปี้ยว แมงกระพรุน สอนให้ชิมต้นไม้ที่ใบเล็กๆแต่กินได้ เค็มๆดี ชาวบ้านเอาไปทำอาหารกิน แต่ลืมชื่อไปแล้ว จากนั้นก็ให้ลองเด็ดใบแสมมาลองชิมดู มีคนไม่รู้หลายคนใส่ปากเคี้ยวซะแหลกเลยจึงไม่รู้รสอะไร จนน้องจาก WWF ต้องบอกว่าอย่าเคี้ยว ให้เอาลิ้นแตะด้านบนของใบ แล้วแตะด้านล่างของใบดู เราถึงรู้ว่ามันขับเกลือออกมาทางใต้ใบ เพราะเค็มปะแล่มๆดี พอเข้าด่านที่ 4 คำถามก็คือให้ปิดตาแล้วชิมใบไม้เพื่อตอบว่าเป็นใบอะไร ผมเป็นคนโดนปิดตาเอง เอาลิ้นเลียใต้ใบก็รู้แล้วว่าใบแสม เพราะมันเค็มๆ ไม่ยากเลย และได้ความรู้ดี

พอ หมดด่านนี้ก็จบเกมส์ ส่งใบคำตอบคืนกรรมการไป เกือบลืมไปว่าไอ้ใบคำถามเกมส์อัจฉริยะนั่นยากมากนะ เล่นให้ข้อความมาแล้วหาตัวเลย 4 หลักให้ได้ เดินคิดไปตลอดทางยังคิดไม่ออกเลย ดีว่าได้ลูกทีมทุกคนช่วยๆกันระดมสมองจนได้คำตอบออกมา แต่ไม่รู้ว่าถูกหรือเปล่า ผมว่าคงไม่ถูกเพราะทีมเราไม่ได้สักรางวัล จบเกมส์แล้วก็เดินไปบริเวณสถานที่จัดงานตอนเย็นๆ วิวสวยดี แต่ยังไม่ทันทำอะไรก็โดนเรียกขึ้นรถ พอขึ้นรถได้แอร์เย็นๆก็ดีขึ้น แถมน้องทีมงานคนตัวเล็กๆที่ประจำอยู่รถคันที่ 1 ก็ลำเลียงน้ำมาแจกจ่ายทันที ไม่ให้หิวน้ำเลย พอน้องเขานับดูแล้วว่าครบคนก็จัดแจงออกรถ กลับโรงแรมกัน

พอ เช็คอินเข้าโรงแรม อาบน้ำ แต่งตัวแล้ว ก็ลงมาเจอกันที่ล็อบบี้ตอน 17.30 ตามนัด แต่ก็มารอกันไป รอกันมา กว่ารถจะออกได้ก็ปาเข้าไป 18.10 แล้ว เสียเวลารอนานไปหน่อย อันนี้เป็นนิสัยที่แก้ยากของบางคนจริงๆ และอยากให้ช่วยๆกันแก้ด้วย เพราะมันเสียเวลาของทุกคนบนรถมากๆ ถ้ายังไม่ปรับปรุงเราอาจต้องจัดกรีนทริปเรื่องส่งเสริมการตรงต่อเวลาในอนาคต รถบัสทั้ง 2 คันติดเครื่องรอคนมาสาย 40 นาทีนั่นเผาน้ำมันไปเท่าไร ปล่อยก๊าซพิษออกมาเท่าไร เรามาทริปรักษาสภาพแวดล้อมนะครับ ถ้าเป็นบริษัทฝรั่งอย่างที่ผมอยู่แล้วมาสายขนาด 40 นาทีให้คนทั้งคันรถรอนี่แค่คำว่าขอโทษไม่พอนะครับ หลังงานมีรายการอบรมอย่างแรงอีกต่างหาก ที่ต้องบอกตรงๆไม่อ้อมค้อมนี่เพราะอยากให้ปรับปรุงตัวกัน ไปเที่ยวด้วยกันจะได้สนุก ไม่ต้องทนรอ คนไทยขี้เกรงใจเลยไม่พูด ก็ทนๆกันไป แต่นั่นไม่ใช่สิ่งที่ถูกต้อง เราต้องเปลี่ยนแปลง

พอออกรถแล้วใช้เวลาแค่ 10 นาทีก็มาถึงที่จัดงาน มืดพอดี และมีกลุ่มอื่นมาถึงก่อนแล้วและเริ่มกินอาหารกันอยู่ พวกรถทัวร์ไปถึงทีหลัง กำลังหิวก็ปรี่เข้าไปตักอาหารเลย อาหารอร่อยครับ แต่พวกของย่างเขาย่างไม่ทันจริงๆทั้งกุ้ง หอย ปลาหมึก หมูย่าง รอกันคิวยาว เลยต้องไปหาอาหารอย่างอื่นกินไปก่อน ต้องยืนกินเพราะไม่มีโต๊ะให้ ต่างคนก็ต่างกินไม่ค่อยได้คุยกัน เพราะยังไม่รู้จักกันดี ถ้าจะให้ดีผมว่างานหน้า น่าจะให้นั่งโต๊ะกินจะดีกว่านะครับ เข้าใจว่าอยากจัดงานออกมาแนวค็อกเทลปาร์ตี้ให้กินไป คุยไป แต่คนส่วนใหญ่ไม่รู้จักกันเลยไม่ได้คุย กินอย่างเดียว แล้วไม่มีกิจกรรมอะไรที่ให้ทำร่วมกันเพื่อให้รู้จักกันมากขึ้น ลักษณะงานจึงเป็นต่างคนต่างไป คู่ใครคู่มัน ปลูกต้นไม้ กินข้าว ฟังเพลง จบ ฝากไว้ให้ทีมงานด้วยครับ

พอเริ่ม เล่นคอนเสีร์ตของเป็ก ผลิโชค ผมว่าน้องเขาก็พยายามให้ความบันเทิงเต็มที่นะครับ แต่เพลงที่เขาร้องผมไม่รู้จักเลยแฮะ รู้จักอยู่เพลงดังอยู่เพลงเดียวของเขาที่เอามาร้องตอนหลังๆ ทำให้ช่วงแรกๆมันดูกร่อยๆไปหน่อย เพราะผู้ฟังก็ฟังจริงๆ ไม่มีส่วนร่วมมากนัก พอร้องไปสักพักก็เริ่มมีปรบมือเข้ามาบ้าง ตอนหลังเป็กเดินลงมาร้องข้างล่างก็สร้างความคึกคักได้มากขึ้น อาจเป็นอย่างที่เป็กบอกไว้จริงๆว่าสงสัยกลุ่มผู้ฟังจะอายุเกินไปหน่อย ในระหว่างที่เป็กร้องเพลงที่ผมไม่รู้จักไป ผมก็ถือโอกาสเข้าไปเดินชมบ้านที่ชั้น 2 ต้องบอกว่าเป็นบ้านที่สวยมากๆจริงๆ แม้จะอายุนานหลายสิบปีแล้ว แต่ความเรียบง่ายของบ้าน ความสวยสง่าแบบเคร่งขรึมยังมีมนต์ขลังไม่เสื่อมคลาย สมแล้วที่ทีมงานกรีนเวฟบอกว่าขออนุญาตมาจัดงานที่บ้านหลังนี้ยากมาก คุ้มค่าที่ได้มาชมจริงๆ

พอ หมดช่วงของเป็กก็เป็น แคลลอรี บลา บลา ต้องบอกว่าป็อปเป็นคนอ้วนที่ร้องเพลงหวานได้เพราะมากๆ และเสียงดีอย่างไม่น่าเชื่อ คุยบนเวทีสนุก แล้วมีการรับส่งมุกระหว่างเพื่อนๆได้ดี สร้างความเฮฮาให้กับผู้ชมได้ดี ที่ประทับใจอีกคนคือคนเป่าแซกโซโฟนที่เป่าได้เสียงใส พริ้ว ได้อารมณ์จริงๆ โดยเฉพาะตอนที่เป่าแซกเริ่มต้นเพลงขอบใจจริงๆของเบิร์ด ที่เสียงแซกมันพริ้วมีชีวิต ชีวาได้อารมณ์มาก เพลงทุกเพลงของวงนี้ที่เอามาร้องเพราะโดนใจจริงๆ ยิ่งฟังริมทะเลด้วยแล้วต้องบอกว่าเข้ากับบรรยากาศมาก ยกนิ้วโป้งให้ 10 นิ้วเลย จนมาถึงเพลงเรียกฝนที่ร้องไปได้สักพักฝนก็มาตามเนื่อเพลงเลย เพลงเขาขลังๆจริงๆ (ใครปักตะไคร้เนี่ย) คราวนี้ก็วิ่งหนีฝนกันสนุกสนานเข้ามาใต้บ้านกันล่ะ ยืนดูฝนตกสักพัก คราวนี้สมาชิกก็หันไปเจอพี่แอม พี่ตุ๊ก นั่งรอร้องเพลงอยู่เป็นเหยื่อให้ถ่ายรูป ก็ได้ถ่ายกันสนุกสนาน พี่แอม พี่ตุ๊กยิ้มกันเหงือกแห้งเลย แต่ก็ยังยิ้มสู้ไม่หยุด

เวลาผ่าน ไป 15-20นาที คราวนี้ทีมงานแสงเสียงเริ่มขนเก้าอี้จากข้างนอกเข้ามาด้านใน นึกว่าจะให้นั่งแก้เมื่อย ที่ไหนได้เขาเล่นย้ายเวทีเข้ามาเล่นใต้ถุนบ้านเลย ใช้เวลาไม่ถึง 10 นาทีก็สามารถตั้งระบบเสียงให้พอเล่นพลงได้แล้ว เป็นการแก้ปัญหาเฉพาะหน้าที่รวดเร็วและทันการณ์มาก แคลลอรี บลา บลา ก็ต่อด้วยเพลงฝน ของเบิร์ดกะฮาร์ท ที่เข้ากับบรรยากาศดีมากๆ ระหว่างที่ร้องเพลงไป ทีมงานก็ทะยอยขนเครื่องดนตรีเข้ามาจนหมด ก็พอดีกับที่แคลรอลี บลา บลา ร้องเพลงจนครบ ก็ถึงคิวของพี่แอม กับพี่ตุ๊ก ซึ่งตามโปรแกรมเดิมผมเข้าใจว่าต้องขึ้นมาร้องทีละคน คนละ 6-7 เพลง แต่ด้วยฝนที่ตกทำให้เปลี่ยนแผนกันหมด กลายเป็นทั้ง 2 คนขึ้นมาร้องเพลงร่วมกัน แจมกัน ซึ่งก็ให้ความสนุกสนานกับผู้ชมได้เป็นอย่างดี เสียงของทั้ง 2 คนดีร้องเพลงเพราะมากๆ ทั้งการรับส่งมุกก็สร้างความเฮฮาได้เป็นอย่างดี เพลงที่ร้องมีทั้งเพลงช้า เพลงมันส์ เพลงเร็ว ขอจันทร์ คนพิเศษ ........นึกชื่อเพลงที่พี่แอมร้องไม่ออกแฮะ แต่ชอบเพลงของทั้ง 2 คนมาก ผมฟังมาตั้งแต่ชุดแรกของเขา และก็ฟังมาทุกชุดเลย ฟังร้องเพลงสดเพราะได้อารมณ์ดีกว่าฟังจากแผ่น CD มาก

เสียดายที่ พี่ตุ๊ก พี่แอม ร้องได้ไม่กี่เพลงก็ต้องจบลงอย่างไม่ค่อยจุใจนักตอนเวลา 4 ทุ่ม พี่แอมยังมีแรงเหลืออีกเยอะยังอยากร้องต่ออีก อันนี้เสียดายมากๆ เพราะอยากฟังเพลงของเขาเยอะๆ อุตส่าห์มาไกลจาก กทม ก็เพื่อ 2 คนนี้แหละ แต่เอาเถอะ มันถูกจำกัดด้วยฝนตก ได้ขนาดนี้ก็เยี่ยมแล้ว ทีมงานทุกท่านก็๋พยายามแก้ไขสถานการณ์อย่างเต็มที่จนจบงาน จากนั้นก็ทะยอยไปขึ้นรถกลับโรงแรม เข้านอนห้องใครห้องมัน

รุ่งเช้าวันอาทิตย์ปล่อยอิสระ กินข้าวเช้าแล้วไปเดินเล่น เช็คเอ้าท์ให้เสร็จก่อน 10 โมง รถจะออก 10 โมง และแล้วเราก็ออกช้ากว่ากำหนดอีกตามเคยเพราะใครบางคนมาช้าอีกนั่นแหละ รถออกเดินทางไปเพลินวาน บนรถก็มีการแจกอาหารว่าง แล้วตามด้วยคูปองเพลินวานให้อีกคนละ 100 บาท เยี่ยมจริงๆได้เดินเล่นแล้วช็อปปิ้งเล็กๆกันก่อนกลับอีก ที่เพลินวานวันนี้คนแน่นมาก ก็ดูมีชีวิตชีวาดี คนเดี๋ยวนี้จะถวิลหาความหลังครั้งเก่าๆกันมาก บรรดาที่เก่าๆอย่างตลาดน้ำ ตลาด 100ปี ตลาดสามชุก เพลินวานถึงได้รับความนิยมมาก ผมก็เป็นพวกชอบของเก่าๆแบบนี้เช่นเดียวกัน งานยากที่สุดของตอนช็อปปิ้งคือซื้ออะไรดีให้มันลงตัวกับคูปอง 100 บาทที่ได้มา ในที่สุดก็ไปจบที่ขนมปังหมูหยองก้อนละ 50 บาท(แพงอ่ะ ที่ตึกซันทาวเวอร์ตรงลาดพร้าว 35บาทเอง) กับขนมปังกรอบอีก 45 บาท ผัดไทอีก 35บาท เออ...ใช้คูปองหมดเสียที เดินเล่นต่อและก็กลับขึ้นรถได้

พอขึ้นรถมาแล้ว น้องทีมงานคนเดิมก็มานับจำนวนสมาชิกจนครบ แล้วจึงออกรถกลับ กทม กัน มีการสอบถามว่าใครจะจอดซื้อของฝากไหม ปรากฏว่าไม่มีใครต้องการ รถเลยวิ่งยาว จอดเข้าห้องน้ำหนเดียวตรงสมุทรสงคราม แล้ววิ่งถึง RCA ตอนบ่าย 3 จากนั้นก็เป็นการลาจากกันอย่างรวดเร็วจริงๆ เร็วกว่าขามาอีก พอทุกคนได้กระเป๋าก็เรียกแท็กซีกลับบ้านกันเป็นแถวเลย

ในที่สุดก็จบงานปลูกป่ากันเสียที แต่อย่าลืมนะครับว่าป่าที่โครงการปลูกไว้ในใจของพวกเราทุกคน เราต้องดูแลรักษาให้มันเติบโตต่อไป ส่งต่อความรู้สึกที่จะช่วยกันอนุรักษ์รักษาสิ่งแวดล้อมไปให้คนรอบตัวเรา ส่งต่อไปให้คนรุ่นถัดไปจากเรา ให้เรื่องนี้กระจายไปในวงกว้าง เรื่องแบบนี้มันต้องปลูกฝังให้เป็นจิตสำนึกและทำไปด้วยความสมัครใจ ไม่ใช่ใครบังคับให้ทำ สิ่งที่กรีนเวฟและโตโยต้าต้องการจริงๆไม่ใช่แค่ปลูกต้นไม้ไม่กี่ร้อยต้นที่ชะอำ แต่เป็นการสร้างการรับรู้และบอกต่อไป อย่างน้อยคน 300 คนที่เขียนเรื่องส่งเข้าประกวดที่กรีนเวฟก็ได้ถูกจุดประกายความคิดขึ้นมา แล้ว โอกาสหน้า ถ้าผมได้มีโอกาสได้รับเลือกจากกรีนเวฟ/โตโยต้าให้ร่วมกิจกรรมอีก เราคงได้เจอกัน

ขอชมน้องทีมงานกรีนเวฟที่อยู่รถคันที่ 1 ครับว่าดูแลทุกคนดีมากๆ แจกน้ำแจกอาหารให้ตลอด คอยนับลูกทีมให้ครบจึงจะออกรถ ขอบคุณครับ

ปกติ ผมก็เป็นลูกค้าโตโยต้าอยู่แล้ว ซื้อ corolla มาใช้ก็ไม่ผิดหวังเพราะไม่เคยมีปัญหาอะไรเลย รถใช้ดีมาก ประหยัดค่าใช้จ่าย อะหลั่ยเพียบ รถคันต่อไปคงเป็น Camry ล่ะครับ แต่คงไม่ hybrid เพราะมันแพงไป กับสู้ราคาแบตลูกละ 3 แสนตอนรถหมดประกันไม่ไหว ที่อยากได้จริงๆคงเป็น Camry CNG นั่นแหละ ซึ่งมันปล่อยไอเสียออกมาสะอาดกว่า Camry hybrid ตั้งเยอะ และลดมลพิษในอากาศได้ดีกว่า Camry hybrid ซะอีก เครื่องยนตร์2.4 ที่เผาไหม้โดยใช้น้ำมันของ hybrid แม้ว่าจะเป็นแบบ atkinson cycle ที่ประหยัดน้ำมันมากๆ แต่มันก็ยังเผาไหม้โดยใช้น้ำมัน ปล่อยไอเสียเป็น CO, CO2 สารไฮโดรคาร์บอนอื่นๆ และสารพัดก๊าซพิษออกมามาก เครื่องยนตร์ที่ใช้ CNG เวลาเผาไหม้แล้วปล่อยก๊าซพิษออกมากน้อยกว่านับสิบเท่า นี่ยังไม่นับเรื่อง CNG ที่มันราคาถูกกว่าแกสโซฮอลมากด้วยนะ แล้วรถ CNG ก็ไม่ต้องห่วงเรื่องแบตลิเธียมลูกละ 3 แสนกับวงจร inverter ควบคุมระบบ hybrid อีกชุดละแสนกว่าบาทด้วย ฝากไว้ครับ เผื่อโตโยต้าคิดจะทำ Camry CNG บ้าง รถAltis CNG มันคันเล็กไปแล้วสำหรับครอบครัวผม

ที่น่าแปลกใจคือผมไม่ค่อยเห็นฮอนด้าที่เป็นคู่แข่งรายสำคัญของโตโยต้ามาทำ กิจกรรมอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมอย่างที่โตโยต้าทำเลย น่าเสียดายจริงๆ อยากฝากอีกอย่างคือถ้าจะจัดกิจกรรมอื่นๆในอนาคต อยากให้เลี่ยงกิจกรรมประเภทขับรถแข่งแรลลี่ หา RC จาก กทม ไปจังหวัดอื่นๆนะครับ มีบางที่จัดไปเขาใหญ่ด้วยซ้ำ กิจกรรมแบบนี้มันเปลืองน้ำมันมากๆ เพราะทุกคนต้องขับรถไปคนละคัน ปล่อยควันพิษออกมาเท่าไร ที่ร้ายไปกว่านั้นคือดันจัดไปเขาใหญ่ที่เป็นอุทยานแห่งชาติมีสัตว์ป่าเพียบ แล้วเอารถ 50-60 คันวิ่งเข้าไปรบกวนสัตว์ป่าและสภาวะแวดล้อม มันเป็นเรื่องที่ไม่สมควรอย่างยิ่ง

ถ้าโตโยต้า หรือกรีนเวฟจะไปทำกิจกรรมที่ไหนอีก ผมยินดีจะไปร่วมด้วยช่วยกันอย่างเต็มที่ครับ ไม่จำเป็นว่าจะต้องเป็นทริปไปฟังเพลงแบบครั้งนี้หรอก ต่อให้ไปปลูกป่าเฉยๆ ไปทำฝาย ก็จะไป ขอให้บอกล่วงหน้าจะได้จัดคิวการทำงานได้ ผมเคยบอกทีวงานไปแล้วตอนออกเดินทางว่าขอเป็นทริปโหดๆหน่อย ทริปนี้เรียกว่าสบายสุดๆครับ เอาอารมณ์ประมาณว่าไปออกค่ายสมัยมหาลัยนั่นแหละ โหด มัน ฮา ดี

จบแล้วครับกับจดหมายยาวๆที่อยากแชร์ให้กับทุกคน ขอบคุณกรีนเวฟและทางโตโยต้า ที่ร่วมกันจัดงานดีๆแบบนี้ขึ้นมาให้เราได้ทำกิจกรรมร่วมกัน ผมเริ่มเขียนจดหมายที่เกาหลี แต่มาเขียนจบที่เมืองไทย นับเป็นจดหมายที่ยาวข้ามประเทศเลย
ปล ถ้าใครอยากรู้จักผมมากขึ้น อยากเห็นแนวคิดของผม ตามไปอ่านกันต่อได้ที่ http://yutc.blogspot.com ครับ ผมพยายามเขียนบทความใหม่ๆเข้ามาประมาณอาทิตย์ละหน มีบทความเกี่ยวกับโตโยต้า Hybrid ด้วย อยู่ด้านล่างสุดเลย เผื่อชาวโตโยต้าอยากรู้ว่าผมคิดอย่างไรกับ Hybrid

นี่เป็นลิงค์ไปที่ greenwave เพื่ออ่านความรู้สึกจากสมาชิกคนอื่นที่ไปร่วมงานด้วยกัน
http://webboard.atimemedia.com/webboard/index.php?PHPSESSID=89bptn37lhtdh4ql1llfuf0976&topic=4818.30


แล้วเจอกันอีก

ยุทธ

No comments:

Post a Comment