Wednesday, May 19, 2010

19 พค 53 สงครามกลางเมืองทั่วประเทศไทย

ขอบันทึกไว้เลยว่าวันที่ 19 พค 2553 เป็นวันที่เกิดสงครามกลางเมืองทั้งใน กทม และในจังหวัดใหญ่ๆหลายจังหวัดทางอีสาน และเชียงใหม่ รัฐบาลได้สลายการชุมนุมที่ราชประสงค์สำเร็จ แต่ก็เกิดผู้ก่อการร้ายกระจายไปทั่ว กทม เผาสารพัดที่ รัฐบาลพยายามควบคุมสถานการณ์โดยการประกาศเคอร์ฟิวเป็นครั้งแรกในรอบ 18 ปี ห้ามออกนอกบ้านตั้งแต่ 20.00 - 6.00 ของวันที่ 20 พค คนทั้ง กทม ระดมเติมน้ำมันจนหมดปั๊ม แล้วเร่งซื้อหาอาหารต่างๆกักตุนจนอาหารหมดทั้ร้านสะดวกซื้อ ห้างสรรพสินค้าต่างๆก็ขายดีจนของหมดไปตามๆกัน รถเมล์ รถ BTS MRT บขส หยุดทั้งหมด แถม ศอฉ ก็ปรับรายการทีวีทุกช่องให้เป็นรายการพิเศษจนหมด

สิ่งที่เกิดขึ้นในแง่ของไอทีคือ
1.ที่บริษัทผมพนักงานทุกคนทำงานอยู่กับบ้านตั้งแต่วันจันทร์ที่ 17 พคจนถึง 19 และประกาศให้วันที่ 20 พคให้ทำงานที่บ้านต่อ จนกว่าสถานการณ์จะเข้าสู่ภาวะปกติปลอดภัยต่อพนักงานที่จะเดินทางไปที่ทำงาน โดยมีผลกระทบต่อการดำเนินธุรกิจน้อยมากเพราะพนักงานยังทำงานอยู่ที่บ้านโดยใช้โน๊ตบุ๊คผ่านระบบ VPN over internet connection ได้อย่างสบาย ระบบ VPN นี้ได้รับการออกแบบให้รองรับการเชื่อมต่อของพนักงานกว่า 2 พันคนพร้อมกันในกรณีเกิดเหตุฉุกเฉิน แต่เราก็ไม่เคยได้ใช้ความสามารถของ VPN จนถึงขีดจำกัดนั้น

2.ระบบสื่อสารของโทรศัพท์มือถือ AIS แทบจะล่มเพราะมีคนใช้งานจำนวนมากจนโทรออกยากมากๆ โทรทีไรก็ error in connection ตลอด คงใช้ได้เฉพาะ SMS เท่านั้น อันนี้เป็นเพราะเครือข่ายของ AIS รับมือกับการใช้งานจำนวนมากไม่ได้เพราะคนเดินทางไม่ได้ก็เลยโทรหากันแทน พนักงานของบริษัทบางส่วนที่ใช้การเชื่อมต่อโดย air card จะประสบปัญหาความเร็วในการใช้งานช้ามากๆจนแทบใช้ไม่ได้ อันนี้สาเหตุหลักเพราะเครือข่าย GSM มัน shared voice กับ data traffic บน bandwidth เดียวกัน ขนาด voice ยังโทรไม่ออก ดังนั้น data ก็ไม่มีทางสื่อสารได้ จึงต้องแนะนำให้พนักงานที่มี ADSL ที่บ้านเลี่ยงไปใช้ ADSL แทน

3.ธนาคารและตลาดหลักทรัพย์จะปิดทั้งประเทศในวันที่ 20-21 พค แถมยังมีข่าวว่าตู้ ATM ทั้งหมดก็ปิด 2 วันด้วย ให้คนรีบไปกดเงินภายใน 19 พค นี่เรื่องใหญ่เลย เทคโนโลยีอะไรก็ช่วยไม่ได้ ต้องรีบไปกดเงินก่อน

4.ตึก Central World โดนไฟไหม้ พนักงานของบริษัทต่างๆที่ตึก Central world ที่ทำงานนอกสถานที่มาหลายวันแม้จะไม่กระทบอะไรในตอนแรก แต่พอไฟไหม้ปุ๊ปมันจะลามไปถึงห้อง server อันนี้พนักงานทุกคนต้องก็อปปี้ข้อมูลออกมาจาก server ก่อนที่ไฟจะไหม้หมด แต่เข้าใจว่าข้อมูลมีจำนวนมากเป็นสิบๆ ร้อยๆกิกะไบตท์ จะให้ copy ผ่าน internet ในเวลาแค่ 1-2 ชั่วโมงมันเป็นไปไม่ได้ คาดว่าข้อมูลจำนวนมากคงโดนเผาไฟไปแล้ว แต่ถ้าบริษัทเหล่านั้นมีการสำรองข้อมูล และส่งไปเก็บนอกสถานที่ทุกอาทิตย์แล้ว ความเสียหายที่เกิดขึ้นก็ไำม่มากนัก เพราะเรียกคืนข้อมูลส่วนใหญ่จากเทปได้ งานนี้ก็ต้องมาดูกันว่าจะมีบริษัทที่ไม่ได้สำรองข้อมูลมากขนาดไหน

5 ระบบ internet ช้ามากๆ เพราะคนอยู่บ้านกันหมด เรียกดูข้อมูลจากเว็บข่าวดังๆจนเว็บแทบล่ม เว็บดังๆอย่าง pantip, กรุงเทพธุรกิจ ผู้จัดการ อืดมากๆ แถมเว็บเหล่านี้ยังมีทั้ง flash ทั้งรูปโฆษณาจำนวนมากอีก ทำให้ยิ่งโหลดช้ามากขึ้นอีก เจ้าของเว็บควรที่จะต้องถอด flash และโฆษณาต่างๆ รวมทั้งรูปภาพที่ไม่จำเป็นออกทั้งหมด เ้พื่อให้ web server สามารถรองรับจำนวนผู้ใช้ที่เพิ่มอย่างมหาศาลได้ อันนี้เว็บนอกอย่าง cnn ก็เคยทำช่วงเหตุการณ์ 9/11 ที่ตึก World Trade โดนถล่ม แต่เว็บไทยไม่เอาบทเรียนเหล่านั้นมาใช้ หลังจากเหตุการณ์ฉุกเฉินในวันนี้ เว็บไซต์ต่างๆของไทยควรทบทวนแผนรับมือ traffic ในสภาวะฉุกเฉินไว้ด้วย

โดยสรุปแล้ว เหตุการณ์ความไม่สงบครั้งนี้ได้สร้างบทเรียนทางธุรกิจจำนวนมากให้คนไอทีไปหาทางแก้ปัญหาว่าทำอย่างไรธุรกิจจึงจะดำเนินต่อไปได้ภายใต้เหตุฉุกเฉินโดยมีผลกระทบน้อยที่สุด นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่เกิดเหตุการณ์ความไม่สงบ และผมเชื่อว่าเรายังต้องมีเหตุการณ์ความไม่สงบทางการเมืองไปอีกอย่างน้อย 6-12 เดือนข้างหน้า ลากไปจนถึงปี 54 นั่นแหละ ผู้จัดการไอทีทั้งหลายไปหาทางรับมือไว้ให้ดีๆ

Thursday, May 6, 2010

โอกาสใหม่ๆที่แผนก IT นำเสนอต่อธุรกิจ


เมื่อปลายปี 52 ระหว่างที่ผมพูดคุยกับฝ่ายผลิตที่โรงงานที่พิษณุโลกเรื่องปัญหาในการทำงานของเขา เพื่อดูว่าทางแผนกไอทีจะหาทางช่วยได้อย่างไร ทางฝ่ายผลิตก็เล่าให้ฟังถึงปัญหาในการทำงานที่ยังคงทำงานด้วยมือเกือบทั้งหมด ทำให้มีปัญหามาก อยากจะให้แผนกไอทีนำแอพลิเคชั่นมาช่วยในการบันทึกข้อมูล แต่ติดขัดว่าไม่ได้มีการเตรียมงบประมาณไว้สำหรับทำเรื่องนี้เลย ทำให้ดูเหมือนว่าต้องรอกันไปอีกเกือบปีเพื่อรอตั้งงบก่อน บังเอิญผมไปอ่านเจอว่าทาง ไอบีเอ็ม ประเทศไทย จัดให้มีการแข่งขัน Business Reality Challenge โดยให้ทุกบริษัทส่งปัญหาทางธุรกิจของตนที่คิดว่าท้าทายไปให้ทาง ไอบีเอ็มดู ถ้าเขาคิดว่าปัญหาของคุณท้าทายพอ ผู้ชนะจะได้รับรางวัลเป็นดซลูชั่นจากไอบีเอ็มในการแก้ปัญหานี้ ผมก็ลองส่งไปดู หลังจากเข้าไปนำเสนอโปรเจคต่อกรรมการตัดสิน โดยมีผู้เข้าร่วมแข่งทั้งหมด 22 บริษัท ปรากฏว่าโครงการของผมได้รับการคัดเลือกให้ชนะและทางไอบีเอ็ม ก็ส่ง business partner มาพัฒนาแอพลิเคชั่นให้ อันนี้เป็นอีกตัวอย่างหนึ่งของการเสาะแสวงหาโอกาสซึ่งไม่เพียงแต่ภายในองค์กรเท่านั้น ยังมีโอกาสอีกมากภายนอกองค์กร ผู้จัดการแผนกไอทีจะต้องหมั่นมองหาโอกาสที่จะสร้างความได้เปรียบทางธุรกิจให้กับองค์กร

รายละเอียดตามนี้เลย
"มอนซานโต้" ชนะรางวัล ไอบีเอ็มบิซิเนสเรียลลิตี้ ชาเลนจ์ ฝ่า 22 บริษัท คว้ารางวัลโครงงานไอทีองค์กรธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อม

นายกิตติพงษ์ อัศวพิชยนต์ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ ธุรกิจทั่วไป บริษัท ไอบีเอ็ม ประเทศไทย จำกัด กล่าวว่า บริษัทเลือกบริษัท มอนซานโต้ ไทยแลนด์ จำกัด เป็นผู้ชนะเลิศรางวัลโครงงานไอที “ไอบีเอ็ม บิซิเนส เรียลลิตี้ ชาเลนจ์” เพื่อช่วยให้องค์กรธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (เอสเอ็มอี) ปรับปรุงและพัฒนาการทำงานให้มีประสิทธิภาพดียิ่งขึ้น และประสบความสำเร็จทางธุรกิจ มีเอสเอ็มอี 22 บริษัทส่งโครงงานเข้าประกวด

นายยุทธพงษ์ ชัยธรรม ผู้จัดการแผนกไอที บริษัท มอนซานโต้ ไทยแลนด์ จำกัด กล่าวว่า จากการเป็นผู้ผลิตเมล็ดพันธุ์ข้าวโพด โดยมีศูนย์กระจายวัตถุดิบสำหรับการผลิตเมล็ดพันธุ์อยู่ 16 แห่งทั่วประเทศและมีศูนย์กลางอยู่ที่พิษณุโลก เดิมเจ้าหน้าที่ลงปฏิบัติงานในพื้นที่ ไปติดต่อเกษตรกรเพื่อจ่ายเมล็ดพันธุ์ ปุ๋ย หรือเคมีภัณฑ์การเกษตรต่างๆ จะเก็บข้อมูลโดยจดใส่กระดาษ แล้วนำข้อมูลกลับมาป้อนลงคอมพิวเตอร์ภายหลัง บางครั้งล่าช้าไปหลายวัน หรืออ่านลายมือไม่ออก, เอกสารหาย, จำนวนวัตถุดิบที่มีในสต็อกเป็นข้อมูลที่ไม่อัพเดท ทำให้บางศูนย์มีวัตถุดิบขาด บางศูนย์เกิน ส่งผลให้การลงบัญชีต่างๆ ผิดพลาด

บริษัทต้องการติดตั้งระบบใหม่ให้เจ้าหน้าที่ได้ใช้คอมพิวเตอร์, อุปกรณ์พกพา, โปรแกรมบริหารจัดการสินค้าคงคลัง เพื่อพัฒนาระบบงานให้มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น เป็นการช่วยทั้งเจ้าหน้าที่และเกษตรกร แต่มีงบประมาณไอทีจำกัด จึงเขียนโครงการส่งเข้าประกวด ซึ่งผลออกมาดีเกินคาด เพราะทำให้แก้ปัญหาทางธุรกิจได้ด้วยช่องทางใหม่ๆ และช่วยลดเวลาเจ้าหน้าที่ทำเอกสารได้มาก

การเป็นองค์กรผู้ชนะเลิศ ไอบีเอ็มมอบผลิตภัณฑ์และโซลูชั่น ไอที ได้แก่ ซอฟต์แวร์จัดการฐานข้อมูล ดีบีทู แอพพลิเคชั่นจาวาสำหรับติดตามสินค้าคงคลัง “Smart Track” ที่พัฒนาขึ้นสำหรับมอนซานโต้โดยเฉพาะ โดยบริษัท ไทย อินฟอร์เมติก ซิสเต็มส์ จำกัด (ทีไอเอส) พันธมิตรทางธุรกิจของไอบีเอ็ม รวมมูลค่า 1 ล้านบาท ไอบีเอ็มเริ่มเข้าพัฒนาระบบไอที ของบริษัทตั้งแต่ปลายปี 2552 และทีไอเอสเป็นผู้ดำเนินการติดตั้งโซลูชัน ประมาณ 4 เดือน

http://www.bangkokbiznews.com/home/detail/it/it/20100505/113613/%E0%B8%A1%E0%B8%AD%E0%B8%99%E0%B8%8B%E0%B8%B2%E0%B8%99%E0%B9%82%E0%B8%95%E0%B9%89-%E0%B8%84%E0%B8%A7%E0%B9%89%E0%B8%B2%E0%B9%82%E0%B8%84%E0%B8%A3%E0%B8%87%E0%B8%87%E0%B8%B2%E0%B8%99%E0%B9%84%E0%B8%AD%E0%B8%97%E0%B8%B5-%E0%B9%84%E0%B8%AD%E0%B8%9A%E0%B8%B5%E0%B9%80%E0%B8%AD%E0%B9%87%E0%B8%A1%E0%B8%9A%E0%B8%B4%E0%B8%8B%E0%B8%B4%E0%B9%80%E0%B8%99%E0%B8%AA-%E0%B9%80%E0%B8%A3%E0%B8%B5%E0%B8%A2%E0%B8%A5%E0%B8%A5%E0%B8%B4%E0%B8%95%E0%B8%B5%E0%B9%89-%E0%B8%8A%E0%B8%B2%E0%B9%80%E0%B8%A5%E0%B8%99%E0%B8%88%E0%B9%8C.html

วิกฤตการเมืองไทย กับแผนสำรองทางธุรกิจ

เหตุการณ์ผู้ชุมนุมเสื้อแดงที่ปิดถนนบริเวณราชประสงค์เป็นเวลาเกือบ 1 เดือนได้สร้างความเดือดร้อนเสียหายให้กับธุรกิจต่างๆจำนวนมาก อย่างหนึ่งที่เห็นได้ชัดคือ พนักงานไม่สามารถเข้าไปทำงานในที่ทำงานได้ตามปกติ ทำให้บริษัทต่างๆต้องหาทางออกด้วยการไปเช่าพื้นที่ในเขตห่างไกลการชุมนุมเป็นสำนักงานชั่วคราว เรื่องใหญ่อีกเรื่องที่หลีกเลี่ยงไม่ได้คือต้องมีเน็ตเวิร์คจากที่ทำงานใหม่เพื่อเชื่อมต่อเข้าไปที่เซิร์ฟเวอร์ที่อยู่ในสำนักงานเดิมที่เข้าไปไม่ได้ เรื่องนี้ทำให้แผนก IT ของหลายๆบริษัทหัวหมุนไปเลยเพราะต้องวิ่งหาเน็ตเวิร์คสำรองกันให้วุ่นในเวลาอันสั้น บางบริษัทถึงกับทำธุรกิจด้วยระบบคอมพิืวเตอร์ไปไม่ได้หลายวัน วิกฤตครั้งนี้คงเป็นตัวอย่างที่แสดงให้เห็นความจำเป็นของแผนสำรองเพื่อให้ธุรกิจดำเนินงานไปได้ภายใต้สถาณการณ์ฉุกเิฉินต่างๆ บริษัทใดที่มีแผนนี้อยู่แล้วก็จะสามารถดำเนินงานต่อไปได้ภายใต้เหตุฉุกเฉินโดยมีผลกระทบต่อการดำเนินธุรกิจเพียงเล็กน้อย แต่บริษัทไหนที่ไม่ได้วางแผนไว้ล่วงหน้าก็ได้รับผลกระทบและความเสียหายอย่างมาก

แผนสำรองสำหรับดำเนินธุรกิจต่อไปภายใต้สถาณการณ์ฉุกเฉินเป็นสิ่งสำคัญ ถ้าบริษัทของคุณยังไม่มีก็ควรจะเร่งดำเนินการจัดทำขึ้นมา เราไม่มีทางรู้ว่าจะเกิดเหตุการณ์ชุมนุมอีกเมื่อใดและที่ไหน กันไว้ดีกว่าแก้ครับ

Thursday, April 1, 2010

และแล้ว Yahoo mail ก็โดนเจาะไปอีกราย

ข่าวล่ามาเร็ว 1 เมษา Yahoo mail ของนักข่าวไต้หวันและจีนโดนเจาะไปอีกหลายราย คาดว่าแหล่งที่เจาะน่าจะมาจากจีนอีก แบบเดียวกับที่ Google mail เคยโดน Yahoo แค่ออกมามาโวยวายนิดหน่อยแล้วก็จบ ส่วน Google นั่นเอาจริงกว่าเยอะเพราะตอนนี้ถอนตัวออกจากจีน มาตั้งอยู่ที่ฮ่องกงแทน ก็คงเสียตลาดใหญ่ไปเยอะ แต่งานนี้ Google ยอมไม่ได้จริงๆแม้จะเสียตลาดใหญ่ๆอย่างในจีนไปก็ตาม แม้จะมีความเสียหายบ้างแต่ก็ไม่มากนักเพราะถึงอย่างไร Google ก็เป็นเพียงรายเล็กในจีน search engine รายใหญ่ของจีนเป็นของบริษัทในจีนเองชื่อ baidu

Wednesday, March 3, 2010

มาประหยัดไฟหน้าร้อนนี้กันเถอะ

ร้อนนี้ร้อนจัด ค่าไฟของแอร์คงจะแพงมากๆแน่ เรามีวิธีง่ายๆที่จะช่วยลดค่าไฟแอร์ได้ 15-20% ทำให้แอร์เย็นเร็วขึ้นแม้ว่าอากาศจะร้อนจัด สนใจไหมครับว่าต้องทำอย่างไร

คุณต้องติดอุปกรณืที่เรียกว่า colling pad เข้าไปที่คอล์ยร้อนที่ที่แอร์ตัวที่อยู่นอกบ้าน โดย colling pad จะทำหน้าที่ลดอุณหภูมิของอากาศก่อนที่จะเข้าไประบายความร้อนให้แอร์ ทำให้แอร์ทำงานเบาลง ประหยัดไฟมากขึ้น แม้ว่าคุณจะใช้แอร์แบบธรรมดาไม่ใช่ อินเวอร์เตอร์ หรือแบบ hybrid ของไซโจก็ประหยัดไฟได้เยอะ

คุณต้องซื้อ cooling pad พร้อมค่าติดตั้งของแอร์ขนาด 1200-15000 btu ประมาณ 5-6พันบาท ต้องลงทุนมากในตอนแรก แต่ค่าไฟที่ประหยัดไปได้ก็จะคืนทุนในเวลา 1-2ปี ต่อให้หน้าร้อนขนาดไหนก็ไม่หวั่น ยิ่งร้อนมาก ระบบ cooling pad ยิ่งระบายความร้อนได้ดี เพราะน้ำระเหยได้เร็ว ลดความร้อนของอากาศที่จะเข้าแผงคอนเดนเซอร์ได้มาก

ลองไปศึกษาเพิ่มเติมที่
http://swiftletlover.blogspot.com/2008/09/cooling-pad-system.html
http://www.axontech.co.th/s0103/index.php?tpid=0020
http://www.e369engineering.com/ensaver-how-to-install.php
ค้นใน google ด้วยคำว่า cooling pad จะได้ข้อมูลอีกมาก


แอร์ที่ติดแผงนี้แล้วก็จะเหมือนกับที่แอร์ไซโจกำลังโหมโฆษณาอยู่ตอนนี้ว่าประหยัดไฟได้เยอะ เนื่องมาจากการใช้ cooling pad เข้ามาช่วยนี่เอง

Wednesday, February 3, 2010

อายุการใช้งานคอมพิวเตอร์ กี่ปีถึงจะดี

เรื่องอายุการใช้งานคอมพิวเตอร์ในทางธุรกิจเป็นที่ถกเถียงกันมานานว่าจะใช้ได้กี่ปีก่อนจะเปลี่ยน เมื่อก่อนนี้บริษัทส่วนใหญ่กำหนดไว้ที่ 3ปีตามเวลาที่ฝ่ายบัญชีใช้ตัดค่าเสื่อมราคาของสินทรัพย์จนเหลือมูลค่าเป็น 1 บาท เมื่อครบ 3ปีก็เปลี่ยนเครื่องใหม่ให้ผู้ใช้ ข้ออ้างที่ฝ่าย IT ได้รับจากผู้ใช้ที่ขอเปลี่ยนเครื่องเป็นประจำคือเครื่องมันเก่า ทำงานช้า เลยขอเปลี่ยนเครื่อง พอฝ่าย IT เข้าไปตรวจสอบดูก็พบว่าสาเหตุที่เครื่องช้าเป็นดังนี้

1.ผู้ใช้ไปเล่น internet บ่อย เข้าไปสารพัดเว็บ คลิ๊ก link ไปเรื่อยๆ แถมไปคลิ๊ก accept บ่อยๆโดยไม่ทันดูว่าไปรับอะไรเข้ามา ผลก็คือมีสารพัดโปรแกรมที่ไม่จำเป็นรวมทั้ง worm, spyware, trojan จาก internet ถูกติดตั้งลงมาในเครื่องเพียบ เวลาเปิดเครื่องทีจะต้องรอนานมากกว่าจะโหลดโปรแกรมขึ้นมาจนครบ

2.ผู้ใช้ชอบลองโปรแกรมใหม่ ก็ไปโหลดสารพัดโปรแกรมมาลองมีทั้ง skype, messenger, สารพัด internet toolbar, google update, โปรแกรมของ Black Berry,โปรแกรมของกล้องดิจิตอล, โปรแกรมของสแกนเนอร์ที่ซื้อมา, โปรแกรมไดรเวอร์ของสารพัดเครื่องพิมพ์ มีเป็นสิบๆโปรแกรม ผลก็คือเปิดเครื่องมาทีกว่าจะโหลดโปรแกรมพวกนี้หมดนี่นานมากๆ รอไปเกือบ 10 นาที windows ก็ยังบูทไม่เสร็จเลย

3 Windows ไม่ได้ลงใหม่มาเป็นปีๆแล้ว มีขยะเพียบ กรณีนี้แค่ลง windows ใหม่เครื่องก็ทำงานเร็วเหมือนใหม่เลย ปกติเครื่องที่ใช้ windows ไปนานๆจะค่อยๆช้าลงเรื่อยๆ จนในที่สุดต้องลง windows ใหม่ก็จะหาย

วิธีแก้ทั้ง 2 กรณีแรกก็ึืคือไล่ลบโปรแกรมที่ไม่จำเป็น กำจัดไวรัส worm spyware ออกไปให้หมด บางครั้งมันเละมาก ลง windows ใหม่จะง่ายกว่าเยอะ หลังจากทำเสร็จแล้วพบว่าเครื่องกลับมาทำงานเร็วจนเป็นที่พอใจของผู้ใช้โดยไม่ต้องซื้อใหม่ ก็ช่วยยืดอายุการใช้งานเครื่องออกไปได้เป็น 4-5ปีได้สบายๆ

โปรแกรมส่วนใหญ่ที่พนักงานใช้กันก็มี Word, Excel, POwerpoint, Email(Outlook/Lotus Notes) ส่วน OS หลักๆที่ใช้กันก็ Windows XP ซึ่งโปรแกรมเหล่านี้ทำงานกับเครื่องอายุ 4-5ปีได้สบาย ขอแต่ให้มี memory สัก 1-2 กิกะไบตท์ windows XP ก็ทำงานได้อย่างราบลื่นแล้ว ไม่ต้องรีบ upgrade ไปหา Windows Vista(ที่ไม่ประสบความสำเร็จเท่าไรนัก ไมโครซอฟต์ก็ออกมายอมรับเอง)หรือเปลี่ยนไปใช้ Windows 7 ให้เปลืองเิงิน เพราะในแง่ของธุรกิจแล้ว Windows XP ก็มีความสามารถที่พอตัว แน่นอนว่า Windows 7 มีลูกเล่นที่เหนือกว่ามาก แต่มันคุ้มค่าที่จะต้องโละเครื่องเก่ามากออกไป และลงทุนซื้อเครื่องใหม่มาหรือมไ่ม่ อันนี้ฝ่าย IT ต้องไปคิดให้ดีๆและหาข้อมูลมาให้ฝ่ายบริหารตัดสินใจ4

บางคนมาอ้างบอก SAP ทำงานได้ช้าเพราะเครื่องมันเก่าแล้ว ก็ต้องอธิบายว่า SAP มันไม่ได้ประมวลผลที่เครื่องของผู้ใช้ มันประมวลผลที่ server ซึ่งอยู่ที่แผนก IT ส่วนเครื่องของผู้ใช้ทำหน้าที่แค่รับส่งข้อมูลปริมาณที่น้อยนิดจนเครื่องเก่า 4-5ปีก็ทำงานได้สบายๆ เพราะฉนั้นถ้า SAP มันช้าก็อาจเป็นเพราะ server กลางทำงานหนัก หรือระบบสื่อสารของออฟฟิศมีข้อมูลวิ่งอยู่จำนวนมาก ก็ต้องรอกันไป เปลี่ยนเครื่องใหม่ก็ไม่ทำให้ SAP เร็วขึ้น

ถ้าถามว่าประโยชน์จากการเพิ่มอายุใช้งานจาก 3 เป็น 4 ปีมีแค่ไหน คิดคร่าวๆคือคอมพิวเตอร์ตั้งโต๊ะ 1 ชุดพร้อมจอ ราคาประมาณ 39000 บาท ถ้าใช้ 3ปีก็ค่าเสื่อมราคาปีละ 13000 บาท พอขยายการใช้งานเป็น 4ปีบริษัทจะไม่มีค่าเสื่อมราคาในปีที่ 4 เพราะตัดค่าเสื่อมหมดไปตั้งแต่ 3ปีแรกแล้ว เท่ากับประหยัดเงินไป 13000บาทในปีที่ 4 ถ้าบริษัทใหญ่ซึ่งมีคอมพิวเตอร์ 200-300 เครื่องแล้วลองคิดดูว่าประหยัดเงินไปปีละ 2.6 - 3.9 ล้านในแต่ละปีจะทำให้ประหยัดค่าใช้จ่ายไปเท่าไร ที่สำคัญคือยังช่วยลดจำนวนขยะอิเลคโทรนิคที่มีมากขึ้นทุกวันอีกด้วย

ในการเพิ่มอายุการใช้งานเป็น 4ปี ฝ่าย IT ก็ต้องทำงานมากขึ้นบ้าง เพราะต้องมีการลง windows ใหม่เพื่อให้เครื่องกลับมาทำงานได้เร็ว เครื่องบางส่วนอาจมีปัญหา hardware พังบ้างก็ต้องซ่อมไปตามอาการ แต่ก็มีจำนวนไม่มากนัก ถ้าเครื่องเสียมากซ่อมไม่คุ้มก็ต้องเปลี่ยนใหม่ไป สุดท้ายแล้วอายุการใช้งานคอมพิวเตอร์ยังไงก็อย่าให้เกิน 5ปีเลยครับ มันนานไป ให้มันพักได้แล้ว

นี่เป็นอีกบทบาทหนึ่งที่แผนก IT สามารถเข้ามามีส่วนร่วมในการตัดลดค่าใช้จ่ายในองค์กร เพื่อสร้างความได้เปรียบในการแข่งขัน

Tuesday, January 19, 2010

Operation Aurora ปฎิบัติการเจาะ Google จากจีน

ตอนนี้ข่าวใหญ่ในวงการ IT และระบบรักษาความปลอดภัย คงหนีไม่พ้นเรื่องที่ Google โดนแฮคเกอร์จากจีนเจาะ แต่ยังดีที่เจาะได้ไม่เยอะนัก

ถ้าถามว่ารุุนแรงแค่ไหนล่ะก็ ตอนนี้ 19 มค ทางรัฐบาลเยอรมันและรัฐบาลฝรั่งเศสได้ออกประกาศเตือนประชาชนเรื่องปัญหาความปลอดภัยของ Internet Explorer และแนะนำให้หลีกเลี่ยงการใช้ IE ให้หันไปใช้ Firefox, Chrome แทน คิดดูแล้วกันว่าขนาด Google ยังโดนเจาะได้เพราะจุดอ่อนใน IE แล้วบริษัทใหญ่ๆในอเมริกาอีกกว่า 30 บริษัทก็โดนด้วย แล้วผู้ใช้ทั่วไปที่ไม่ค่อยมีความรู้ทางคอมพิวเตอร์ คลิ๊กไปที่เว็บไซต์แปลกๆบ่อยๆ หรือได้รับเมลล์จากคนอื่นแล้วคลิ๊กลิงค์ในเมลล์ก็จะติดโทรจันโดยง่าย จากนั้นข้อมูลทุกอย่างของคุณ หรือถ้าคุณใช้ internet banking ด้วยล่ะก็ คุณกำลังเดือดร้อนอย่างมากๆเลย

อ่านเพิ่มเติมที่
http://news.cnet.com/8301-27080_3-10436618-245.html
http://thenextweb.com/europe/2010/01/15/germany-giving-internet-explorer-boot-due-security-flaws/

Sunday, January 17, 2010

IT security กับ สารพัดปัญหาจาก IE

ช่วงนี้ 14 มค มีข่าวสดๆร้อนๆเรื่อง Google ออกมาแฉว่าโดนกลุ่มแฮคเกอร์จากเมืองจีนพยายามเจาะเข้า Gmail account ของเหล่าบรรดานักเคลื่อนไหวเพื่อเสรีภาพของจีน แต่เจาะไม่สำเร็จ ไม่สามารถอ่านเนื้อหาข้างในเมลล์ได้ คงได้ไปแต่ profile ของแต่ละ account เท่านั้นเช่น login ครั้งสุดท้ายเมื่อไร ซึ่งไม่ใช่ข้อมูลสำคัญอะไร ก็หวังว่าเจ้าของ gmail เหล่านั้นคงไม่ใส่ชื่อที่อยู่จริงเข้าไป ไม่งั้นข้อมูลหลุดไปอยู่ในมือแฮคเกอร์ของจีนล่ะก็ มีเดือดร้อนมากๆแน่ งานนี้ Google ไม่พอใจอย่างมาก และออกมาประกาศสงครามกับรัฐบาลจีนเลยว่ากูเกิลจะไม่ยอมเซนเซอร์ตัวเองตามกฏหมายของจีนอีกต่อไป แถมประกาศกร้าวว่าพร้อมจะทบทวนแผนการดำเนินธุรกิจในจีน หรือหมายความว่าพร้อมจะถอนตัวออกจากจีนถ้าจำเป็น เท่านั้นยังไม่พอ กูเกิลยังยกเลิกการเซนเซอร์เนื้อหาใน Google.cn ทำให้คนจีนสามารถค้นหาเรื่องเกี่ยวกับ เทียนอันเหมิน และอีกสารพัดเรื่องที่รัฐบาลจีนเคยปิดกั้นไว้ งานนี้กูเกิลกะถอนตัวออกจากจีนแน่ๆ เพราะถึงไม่ถอนทางจีนก็คงจะไล่ออกไปอยู่ดี ต้องชมกูเกิลว่าตัดสินใจเด็ดเดี่ยวและยึดมั่นในหลักการของเสรีภาพในการรับรู้ข่าวสารดีมาก ที่ดูไม่สวยหน่อยคือทาง HP กับไมโครซอฟต์รีบออกมาประกาศว่าตัวเองไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับกูเกิล และจะทำตามกฏหมายจีนต่อไำป

กูเกิลยังเปืดเผยข้อมูลที่น่าสนใจคือกลุ่มแฮคเกอร์จากจีนนั้นไม่ได้เจาะเฉพาะที่กูเกิลแห่งเดียว แต่ยังไล่เจาะเครือข่ายของบริษัทข้ามชาติรายใหญ่ๆอีกหลายรายของอเมริกาด้วย กูเกิลจะแจ้งให้บริษัทเหล่านั้นรู้ตัวเพื่อเตรียมการป้องกันอีกต่อไป บริษัทหลายๆแห่งที่มีสำนักงานอยู่ในจีนต้องนี้ต้องมาไล่เช็ค firewall และป้องกันการบุกรุกกันอย่างวุ่นวาย

เรื่องนี้สอนให้รู้ว่าการปรับปรุงระบบรักษาความปลอดภัยสำหรับองค์กรใหญ่ๆเป็นสิ่งที่สำคัญมาก ที่ใดใช้ IE เยอะให้ระวังให้มาก เพราะเป็นที่รู้กันดีว่า IE มีจุดโหว่เยอะและเป็นเป้าหมายสำคัญของแฮคเกอร์ที่ใช้เจาะเข้ามาในองค์กรต่างๆ ล่าสุดก็มีข่าวเป็นทางการออกมาอีกว่า bug ล่าสุดของ IE ทำให้แฮคเกอร์เจาะเข้ามาสั่งให้ IE เข้าไปยังเว็บไซต์ที่ต้ิองการ ซึ่งมีเวิร์มหรือโค้ดอันตรายรออยู่ ถ้าใครเข้าไปที่เว็บนั้น IE จะโหลดโค้ดอันตรายเหล่านั้นมาทำงานและก็เป็นอันว่าเครื่องของคุณก็โดนแฮคเกอร์แอบควบคุมอย่างลับๆำไปแล้ว

ที่องค์กรที่ผมทำงานอยู่ก็มีปัญหากับ IE เป็นประจำ เพราะด้วยระบบรักษาความปลอดภัยที่อ่อนแอของ IE กับช่องโหว่ที่มีเยอะ ทำให้บรรดาผู้ใช้ที่ ใช้ IE เข้าไปเที่ยวเล่นตามเว็บต่างๆโดน ไวรัส เวิร์ม โทรจัน ติดมาแบบอีรุงตุงนัง ทำให้ IE ทำงานเพี้ยนๆ สารพัดโปรแกรมโดยเฉพาะ MS Office ติงต็องไปเลยก็มี พวกผู้ใช้ก็โทษว่าเครื่องไม่ดีอีก ทาง IT ก็ต้องฆ่าสารพัดไวรัสเหล่านั้น บางทีต้องลงวินโดวส์ใหม่เลยก็มี เสียเวลาไปเยอะ คนที่โดนแล้วก็โดนอีกบ่อยๆ ตอนหลังก็เลยต้องลง firefox + no script ให้บรรดาผู้ใช้ที่มีความเสี่ยงโดนไวรัสสูงใช้แทน IE ซึ่งก็ได้ผลดี เพราะกลับมาหา IT น้อยลง MS office ก็ไม่ค่อยติงต็องบ่อยๆ สรุปแล้วคือเปลี่ยนมาใช้ firefox กันเถอะ ในองค์กรของผมเองก็ทะยอยลง firefox ไปเรื่อยๆเพื่อแก้ปัญหาระับบความปลอดภัยของ IE ก็ได้ผลดี งานของแผนก IE ลดลงไปเยอะ

คุณล่ะ ลองใช้ firefox แล้วหรือยัง ของเขาดีจริงๆ อย่าลืมไปโหลด add on มาเพิ่มความสามารถด้วยล่ะ

Monday, January 4, 2010

พักผ่อนปีใหม่

วันหยุดยาวปีใหม่ หนีไปรับความหนาวที่เชียงใหม่ ไปดูรูปสวยๆได้ที่นี่เลย
http://www.pantip.com/cafe/blueplanet/topic/E8718168/E8718168.html

ถ้าคุณยังไม่ได้ใช้วันพักร้อนล่ะก็ ไปเที่ยวซะบ้างนะ work/life balance เป็นสิ่งสำคัญที่ลูกจ้างมืออาชีพทุกคนต้องจัดการให้พอดี ทำงาน พักผ่อน อย่าเครียด