Tuesday, April 12, 2016

เทคนิคการประหยัดไฟค่าแอร์

หน้าร้อนปี 2559 ปีนี้ร้อนมากกว่าปีอื่นๆ อุณหภูมิใน กทม ขึ้นไปถึง 40 องศาในตอนบ่าย หลายๆคนรวมทั้งผมด้วยต้องเปิดแอร์เพื่อบรรเทาความร้อน  ยิ่งอากาศร้อนมาก แอร์จะทำงานหนัก และกินไฟมากขึ้น  ค่าไฟก็แพงขึ้น  เราจะมาดูวิธีการเปิดแอร์บรรเทาความร้อน และประหยัดไฟ

1. ล้างแอร์ให้สะอาด การทำความสะอาดคอล์ยเย็นในบ้านทำให้แอร์พ่นลมเย็นออกมาได้สะดวก ห้องเย็นเร็ว  

2.หมั่นทำความสะอาดคอล์ยร้อนนอกบ้าน คุณทำความสะอาดเองได้ง่ายๆโดยการใช้สายยางฉีดน้ำเฉียงๆจากด้านบน ลงไปด้านล่างของแผงคอล์ยร้อน ทั้งนี้เพื่อให้น้ำไล่ขี้ที่ติดอยู่ออก จะทำให้ระบายความร้อนได้สะดวก แอร์จะเย็นเร็ว ทำงานหนักน้อยลง และกินไฟน้อย   ห้ามฉีดน้ำเข้าไปในแผงระบายความร้อนแบบตรงๆ เพราะจะเป็นการดันฝุ่นให้เข้าลึกเข้าไปในแผงระบายความร้อน ถ้าน้ไไม่แรงพอจะทำให้ฝุ่นสะสมจนอุดตันในที่สุด

3.ถ้าคอย์ลร้อนต้องตากแดดตลอดเวลา จะให้ความร้อนสูง ระบายความร้อนออกยาก แอร์จะกินไฟ หาทางสร้างที่กำบังแดดหรือหลังคาคลุมคอล์ยร้อน จะทำให้กินไฟน้อยลง แอร์เย็นเร็ว 

4.เวลาจ้างช่างมาล้างแอร์ ถ้าแอร์ยังเย็นดี ไม่ควรให้เปิดจุกเพื่อวัดแรงดันน้ำยาแอร์ ทุกครั้งที่ช่างต่อเกจ์วัดน้ำยา จะมีน้ำยาแอร์รั่วไหลออกมาเสมอ ถ้าช่างต่อไม่ดี น้ำยาจะซึกออกมาเยอะ ทำให้แอร์เย็นน้อยลงหรือน้ำยาขาด  ทางที่ดีสั่งช่างแอร์เลยว่าล้างแอร์อย่างเดียวห้ามวัดน้ำยา และไม่ต้องเติมน้ำยาให้ด้วย    น้ำยาแอร์ที่มาจากโรงานจะมีคุณภาพดีมีสิ่งเจอปนน้อยกว่าน้ำยาแอร์ที่ช่างแอร์ทั่วๆไปใช้    ถ้าไม่จำเป็นจริงๆ ไม่ควรเติมน้ำยาแอร์ของช่างทั่วๆไปที่เราไม่รู้ว่าเขาใช้น้ำยาคุณภาพดีแค่ไหน  น้ำยาแอร์ R22 ถูกๆกิโลกรัมละ 90 บาท  น้ำยาดีๆกิโลกรัมละเกือบ 200 บาท ส่วนใหญ่ช่างมักเอาน้ำยาแอร์ถูกๆมาใช้   แอร์ขนาด 12,000 btu ถ้าปล่อยน้ำยาออกหมดแล้วเติมใหม่ จะใช้น้ำยาประมาณ 1.2 กิโลกรัมเท่านั้น ถ้าน้ำยาขาดสัก 10 ปอนด์ หรือ 20 ปอนด์ ก็เติมน้ำยาแค่ 2-3 ขีด ค่าเติมน้ำยาเพิ่มควรจะไม่เกิน 200 บาทเท่านั้น   ไม่ใช่คิดกันเป็นปอนด์ ปอนด์ละ 60-70 บาท อันนี้มันปล้นกันแล้ว  ระบบน้ำยาในแอร์เป็นระบบปิด ไม่มีทางรั่วไหลไปไหน คือไม่ต้องเติมน้ำยา  นอกจากแอร์จะเก่ามากๆ 15-20 ปีที่ท่อน้ำยาหรือข้อต่อท่ออาจจะรั่ว ผุกร่อน ทำให้น้ำยาซึมออกได้

5. บังแดดให้ห้องที่จะเปิดแอร์ ถ้าทำได้ การบังแแดไม่ให้โดนห้องจะลดควาามร้อนที่เข้าสู่ห้องได้มาก ช่วยให้แอร์ทำงานน้อยลง  วิธีบังแดดมีตั้งแต่ปลูกไม้ให้ร่มเงา  กางผ้าใบกันแดด กางสแลมกันแดด 

6.ถ้ากันแดดจากด้านนอกไม่ได้ ก็หาทางติดผ้าม่านด้านในห้องเพื่อลดปริมาณแดดหรือความร้อนที่จะเข้าสู่ตัวห้อง

7.ตั้งอุณหภูมิแอร์ให้เหมาะสม  รัฐบาลเคยบอกว่าให้ตั้งแอร์ไว้ที่ 25 องศาจะประหยัดไฟมาก ซึ่งยังไม่ถูกนัก   เราควรตั้งอุณหภูมิแอร์ให้สูงที่สุดเท่าที่เราจะยังรู้สึกสบายตัว  ถ้าตั้งที่ 27 องศาก็ประหยัดมากกว่า 25 องศา  ตั้ง 29 องศาก็ยิ่งประหยัดมากขึ้นไปอีกแต่จะไม่เย็นสบายตัวนัก  เรามีวิธีแก้โดยการเปิดพัดลมให้พ่นลมไปให้ทั่วห้อง หรือพ่นลมใส่ตัวโดยตรงก็ทำให้เย็นได้แม้จะเปิดแอร์ที่ 29 องศา      
        อีกเรื่องที่เราต้องดูคืออุณหภูมิภายนอกห้อง  ถ้าข้างนอกร้อนมาก 42 องศา แต่เราตั้งแอร์ที่26 องศา จะเห็นว่าอุณหภูมิต่างกันถึง 16 องศา ซึ่งต่างกันมาก แอร์จะทำงานหนักมาก เดินไม่ยอมตัด ทำให้กินไฟแพงมาก   เราควรตั้งอุณหภูมิในห้องไม่ให้ต่างจากนอกห้องมากจนเกินไป   เช่นถ้านอกห้องร้อน 42 องศา  ในห้องเราอาจตั้งสัก 29 หรือ 30 องศาก็จะเย็นแล้ว  จะช่วยบรรเทาภาระแอร์ และลดค่าไฟลงไปมาก

8. ลดความชื้นในห้องแอร์ให้มากที่สุด  ความชื้นในอากาศจะทำให้แอร์กินไฟมากขึ้นในการทำงานความเย็น  เพราะต้องใช้พลังงานจำนวนมากในการดึงน้ำออกจากอากาศ ถ้ายังมีน้ำอยู่ในอากาศจำนวนมากหรืออากาศชื้น แอร์จะกินไฟมากขึ้น  สังเกตุได้จากน้ำทิ้งจากท่อน้ำทิ้งของแอร์ที่ตอนเปิดแอร์ใหม่ๆจะมีน้ำออกมามาก นั่นคือน้ำจากอากาศในห้อง  หลีกเลี่ยงการใช้ผ้าชุบน้ำถูพื้นในห้องแอร์ เพราะน้ำที่อยู่บนพื้นจะระเหยไปในอากาศในห้อง แอร์จะต้องดูดความชื้นออกให้เปลืองไฟอีก

9.กำจัดแหล่งความร้อนออกจากห้องแอร์ เช่น ไม่ควรหุงข้าว หรือใช้กาต้มน้ำไฟฟ้าในห้องแอร์ เพราะอุปกรณ์เหล่านั้นจะเพิ่มความร้อนในห้อง ทำให้แอร์ทำงานหนัก

10.อย่าเปิด ปิด ประตูห้องบ่อยๆ เพราะจะทำให้อากาศร้อนเข้ามาให้ห้อง และอากาศเย็นหลุดออกไป แอร์ทำงานหนักขึ้นอีก

11.ไม่ควรติดพัดลมดูดดอากาศออกจากห้องแอร์ ถ้าคุณไม่ได้สูบบุหรี่ในห้องแอร์ และมีคนอยู่ในห้อง 4-5 คน ไม่จำเป็นต้องติดพัดลมดูดอากาศ  เพราะอากาศเย็นจะถูกดูดทิ้งไปจำนวนมาก และอากาศร้อนจะเข้ามาแทนที่ ทำให้แอร์ทำงานหนักขึ้น  ปกติเวลาที่เราเข้าออกห้องก็ทำให้มีอากาศถ่ายเทอยู่แล้ว

12. ความร้อนเข้ามาทางกระจกได้จำนวนมาก ถ้าสร้างบ้านใหม่ให้พิจารณาใช้กระจกชนิดตัดความร้อน ซึ่งมีราคาสูงกว่าแบบธรรมาพอสมควร แต่ช่วยให้บ้านคุณเย็นไปอีกนับสิบปี เป็นการลงทุนในระยะยาวสำหรับบ้านประหยัดพลังงาน

13. ถ้าต้องซื้อแอร์ใหม่ ให้ใช้แอร์ inverter ที่จะประหยัดไฟกว่า  ให้ความเย็นสม่ำเสมอกว่า แต่ลมแอร์อาจจะไม่เย็นฉ่ำแบบแอร์ธรรมดา   ผมเองใช้แอร์ inverter เท่านั้น ทั้งประหยัดไฟและสบายตัวกว่า

ใครทำได้ครบ 12 ข้อนี้ คุณจะประหยัดค่าไฟไปได้เยอะเลย

ท่านใดอยากพูดคุยเพิ่มเติม ก็ส่งเมลล์มาที่ yutc68@yahoo.com ได้ครับ

Monday, July 21, 2014

DIY ซ่อมบำรุงแอร์ ไดกิ้น inverter ง่ายๆ ทำได้เอง

ถ้าคุณใช้แอร์ daikin inverter ทำตามนี้เพื่ออายุแอร์ที่ยาวนาน
http://pantip.com/topic/32254030

มาดูการทำงานของแอร์ inverter กัน เย็นฉ่ำหรือไม่ พิสูจน์ให้ได้ชัดๆ

มีคนถามแอร์ inverter ประจำ เลยลองวัดให้ดู  อ่านตามนี้เลยครับ
http://pantip.com/topic/32289451

Saturday, April 19, 2014

กลโกงของสารทำความเย็น R400 Series

ไปเจอบทความที่น่าสนใจจาก http://www.blueplanet.co.th/workshop-883.html
เลยขอคัดลอกมาเก็บไว้  เครดิตให้กับ web ข้างบนครับ

วันนี้สารทำความเย็นกลุ่มที่เสี่ยงที่จะเป็นสารทำความเย็น Fake รุ่นต่อไป มันยังคงหลักการเดิม ๆ เหมือนการนำเอา R12 ไปใช้แทน R134a ตามร้านซ่อมแอร์รถยนต์ที่พบเห็นกันดาษดื่น วันนี้ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าสารทำความเย็น R407c, R404a , R410a, R507 และกลุ่มสาร R400 และ R500 Series อื่น ๆ มีความนิยมเพิ่มขึ้นตามลำดับ เรียกว่าตอนนี้ใช้กันทั่วทุกระแหง R404a และ R507 เข้าแทนที่ R502 อย่างเต็มรูปแบบ ในขณะที่ไม่ค่อยมีใครพูดถึง R408a หรือ R402a เพราะไม่อยากเวียนหัวต้องซื้อน้ำยาเบอร์แปลก ๆ R407c และ R417a เข้ายึดครองส่วนแบ่งบางส่วนของ R22 ไว้ได้เป็นที่เรียบร้อย ตามโรงงานต่าง ๆ ที่เข้า ISO 14000 ต้องใช้แน่ ๆ R410a ก็ครองส่วนแบ่งอีกหนึ่งตลาดสำหรับเครื่องปรับอากาศใหม่ซึ่งระบุเลยว่าคือ R410a systems ซึ่งไม่มีอะไรเข้าไปแทนมันได้ในขณะนี้นอกจากตัวมันเอง เมื่อผลกำไรงาม ราคาจำหน่ายสูง ก็ย่อมมีผู้คิดค้นวิธีหรือช่องทางหาเงินจากพวกเราแบบง่าย ๆ เลย อันนี้พูดไว้ก่อนเพราะมันเกิดขึ้นแน่ ๆ เพราะถ้าท่านเผลอ ท่านจะได้พบกับ R22 ใน body ของ R407c, R404a, R507 เหล่านี้เป็นต้น เขาทำอย่างไรน่ะหรือ เขาก็บรรจุ R22 เข้าไปแทนในถังน้ำยาตัวนั้น ๆ เลยเช่น หน้าร้านท่อสีน้ำตาล brown sugar นั่นล่ะ R407c แต่ด้วยความที่พ่อค้าต้องการกำไรมาก (ขึ้นอยู่กับว่าเป็นพ่อค้าส่งหรือพ่อค้าปลีก) และเห็นว่าระบบเครื่องปรับอากาศและเครื่องทำความเย็นรุ่นใหม่นั้น สารหล่อลื่นอย่าง POE เข้ากันได้ดีเหลือเกินทั้ง HFCs และ HCFCs อย่ากระนั้นเลย เติม R22 ลงไปในถังน้ำยาที่คุณต้องการให้เป็น อยากให้เป็นเช่นอยากให้เป็น R407c ใช่ไหมก็กระป๋องสเปรย์พ่นสีน้ำตาลกาแฟ อยากให้เป็น R404a ใช่ไหมก็สีส้มนั่นล่ะครับ อยากให้เป็น R507 ก็สีเขียวน้ำทะเล อยากให้เป็น R410a ก็สีชมพู เป็นต้น (อันหลังนี้หลอกยากหน่อยครับ) ราคาไม่ต้องพูดถึงสาร HFC ในระบบเครื่องปรับอากาศและเครืองทำความเย็น ตอนนี้แพงกว่า HCFC ถึง 400% ลดราคาตัดหน้าคู่แข่งไป 100-200% ยังกำไรเป็น 100% วิธีการตรวจสอบจะทำอย่างไร? วัด PRESSURE ครับ สารทำความเย็นแต่ละชนิดมี Vapor Pressure ที่ต่างกัน ตามไปดูกันครับ R22 ที่อุณหภูมิ 20C (68F) Vapor Pressure = 117.4 psig ที่อุณหภูมิ 30C (86F) Vapor Pressure = 143.6 psig ที่อุณหภูมิ 40C (104F) Vapor Pressure = 207.4 psig R407c ที่อุณหภูมิ 20C (68F) Vapor Pressure = 133.8 psig (bubble) ที่อุณหภูมิ 30C (86F) Vapor Pressure = 179.8 psig (bubble) ที่อุณหภูมิ 40C (104F) Vapor Pressure = 235.6 psig (bubble) R404a ที่อุณหภูมิ 20C (68F) Vapor Pressure = 144.7 psig (bubble) ที่อุณหภูมิ 30C (86F) Vapor Pressure = 192.7 psig (bubble) ที่อุณหภูมิ 40C (104F) Vapor Pressure = 250.8 psig (bubble) จะเห็นได้ว่าน้ำยาทั้ง 3 ชนิดมี จุดเดือดแตกต่างกันโดยสิ้นเชิง ดังนั้นค่าของ Vapor Pressure ก็ย่อมต่างกันไปด้วยเช่นเดียวกัน คุณวัดแรงดันไอครั้งต่อไป เมื่อซื้อสินค้าคุณก็แน่ใจได้ว่ามันคือคนละตัวกัน ส่วนสารทำความเย็นที่เป็นชนิดเดียวกันแต่มีอุณหภูมิสูงกว่า 10 - 20 psig ก็คือสารทำความเย็นที่มีความชื้นปนเปื้อนนั่นเอง การวัดแรงดันไอ Vapor Pressure Test จึงเป็นอะไรที่สำคัญมาก ๆ มันเช็คน้ำยาแอร์ปลอมได้ มันทำให้คุณล่วงรู้ถึง Composition Shift ได้ (ความเบี่ยงเบนของส่วนประกอบอันเนื่องมาจากการระเหยของสารประกอบที่ไม่เท่า กัน) มันทำให้คุณคำนวณหาและล่วงรู้ได้ถึงส่วนประกอบของตัวมันเองว่ามันใช้สารทำ ความเย็นซึ่งประกอบขึ้นด้วยสารต ั้งต้นที่ถูกต้องได้อีกด้วย คุณเชื่อหรือไม่

ศึกชิงบัลลังค์ Air Conditioning Refrigerant ระหว่าง R32 กับ R410a

ได้อ่านข้อมูลน้ำยาแอร์ตัวใหม่ R32 ที่น่าสนใจมากจากจาก web http://www.blueplanet.co.th/workshop-1033.html  เลยต้องขอคัดลอกไว้ที่นี่ เผื่อเนื้อหาที่ต้นฉบับจะหายไป  ให้ความรู้ที่น่าสนใจ

29/05/2013

เป็น ISSUE ใหญ่ครับเมื่อ Japanese air-conditioning OEMs เริ่มให้ความสนใจกับ HFC32 เพื่อใช้ทดแทน HFC410a เบื้องต้นเราได้ยินว่าจะมีการใช้ R32 ทดแทน R410a นั้นยอมรับว่าค่อนข้าง
แปลกใจทีเดียวเพราะ R32 นั้นจัดอยู่ในกลุ่ม A2 ติดไฟได้ง่ายกว่าและมีแรงดันไอที่สูงกว่า R410a ที่ ambient ราว 40 psig สิ่งที่น่าสนใจสำหรับ R32 ก็คือมันเป็น Single Substance ครับด้วยความสามารถ
ในการติดไฟของมันนั้นมีมากกว่า R22 ในขณะที่ R290 นั้นอยู่ในกลุ่ม A3 ที่ติดไฟได้ง่ายที่สุดเมื่อ R22, R410a คือกลุ่ม A1

การที่ R32 มี HGWP ต่ำกว่า R410a เป็นเรื่องที่ดีมาก ๆ ในการช่วยลดภาวะเรือนกระจกของเรา แต่สิ่งที่น่าห่วงกว่าก็ยังมีนั่นหมายถึง "การลุกติดไฟ" หากช่างแอร์หรือผู้ให้บริการขาดความระมัดระวังก็อาจ
มีอันตรายได้โดยต้องไม่ลืมว่า "มันสามารถติดไฟได้ง่ายกว่า R22" คือเขาคงพยายามทดลอง R290 มาก่อนแต่เนื่องจากมันติดไฟง่ายมากจึงหันมาให้การทดลองกับ R32 กระมัง ตรงนี้คือสิ่งที่ผมสังเกตเห็น"
สิ่งที่น่ากลัวในลำดับต่อมาก็คือเรื่องของ "แรงดันไอที่สูงมาก" ครับ ผมยกตัวอย่างให้เห็นง่าย ๆ แบบนี้นะครับ

ที่อุณหภูมิห้อง
R22 ประมาณ 150 psig
R410a ประมาณ 250 psig
R32 ประมาณ 290 psig

การบ้านของเพื่อนช่างอยู่ตรงนี้นะครับ ..
1.มันลุกติดไฟได้ง่ายดังนั้น "เ่ลี่ยงการเชื่อมท่อ" ในขณะที่ระบบมีสารทำความเย็นเหล่านี้คงค้างอยู่
2.เลี่ยงการ "สูบบุหรี่" ทุกครั้งที่คุณปล่อยน้ำยาเพื่อ Vacuum
3.ห้าม!! ใช้ถัง R22 นำมาบรรจุ R32 โดยเด็ดขาด ถ้าจะนำมาบรรจุให้ใส่เพียง 40% ของฉลากเท่านั้นเพื่อความปลอดภัย อาทิคุณมีถัง 13.6 กก.แล้วคุณจะนำมาเติม R32 คุณจะบรรจุได้เพียง
ไม่เกิน 5.5 กก.เท่านั้น ถ้าคุณบรรจุเกินคือเติมเต็มไปเลย 13.6 กก. (ซึ่งอาจจะบังเอิญเติมเข้าไปได้) แล้วนำไปตากแดดหรืออยู่ในที่ร้อนจัดมันก็คือ "ลูกระเบิด" ดีดีนี่เองนะครับ
4.อย่าประหยัดใช้ท่อบางเด็ดขาด ท่อของ R410a ผมก็ยังไม่การันตีว่าจะใช้กับ R32 ได้ ถ้าคิดว่า R410a แรงดันสูงแล้วล่ะก็ให้บวกไปอีก 20% ในใจครับนั่นล่ะแรงดัน R32

สิ่งที่ห่วงมาก ๆ นับจากทศวรรษนี้ไป ..
1.ถัง R22 มีเป็นจำนวนมากซึ่งความหนาไม่พอครับ
2.ช่างแอร์จำนวนมากจะไม่ยอมลงทุนซื้อถังใหม่แต่จะเอาัถังนั้นล่ะไปเติม R32 หรือ R410a และโอกาสพลาดพลั้งมีสูง
3.วาล์วที่ใช้กันอยู่อาจไม่สามารถรับแรงดันของ R32 ได้หากมีการขยายตัวของแรงดันอันเนื่องจากการถูกกระตุ้นด้วยความร้อนสูง โดยเฉพาะในหน้าร้อน
4.จะมีถังน้ำยาแอร์ "ระเบิด" กันอีกเยอะถ้ามีผู้ประกอบการหรือพนักงานคนใดมักง่ายในย่าน Medium Temp เขามี Vapor Pressure สูงที่สุดในกลุ่มครับ
5.ถ้าจะเอาไว้หลังรถต้องเป็นรถกระบะที่มีการระบายอากาศถ่ายเทได้สะดวก ห้ามวางไว้ในแค๊ปกระบะที่ไม่มีเครื่องปรับอากาศและปิดหน้าต่าง อันตรายมาก ๆ หากจอดตากแดดทิ้งไว้นาน ๆ
6.R22 กับ R32 เขียนคล้าย ๆ กันช่างแอร์บางคนอาจทึกทักเอาว่า "มันก็คงเหมือน ๆ กับ R22 แค่เพิ่มเลข 3 มาแทนเลข 2 (ฮา)"

ข้อดีมันก็มีอยู่ครับ
HGWP ต่ำกว่า R410a
Handling ง่ายกว่าเพราะเป็นสารประกอบจุดเดือดเดียวคล้าย ๆ R22

และนี่เป็นเรื่องราวที่ผมนำมาฝากให้อ่านกันครับ สารทำความเย็นรุ่นใหม่ ๆ ขณะนี้ทยอยตบเท้าเข้าตลาดกันเป็นแถวหากขาดความรู้ความเข้าใจ "อัีนตราย" ก็อยู่ใกล้่แค่เอื้อมหากเรามีการ "เรียนรู้"
อุบัติเหตุก็จะลดลง เห็นแล้วก็อดห่วงไม่ได้ครับขนาด R22 นี่ไม่ติดไฟวางไว้ผิดที่ผิดทางยังเคยระเบิดตูมตามกันมามากแล้ว ก็คงฝากไว้ให้พิจารณากันนะครับ ส่วนใครต้องการข้อมูลของ R32, R410a
เขียนจดหมายมาคุยกับเราได้ที่ blueplanet2002@gmail.com ก็ได้เราพร้อมตอบคำถามที่ท่านต้องการรู้หรือเข้าเยี่ยมชมใน www.blueplanet.co.th ในหน้าต่าง Work Shop ได้ครับ

ฤาศึกชิงบัลลังค์ Air Conditioning Refrigerant ยุคหน้าระหว่าง R32 กับ R410a จะยังไม่จบลงง่าย ๆ เสียแล้วกระมัง .. คงอีกไม่นานแล้ว R22 ที่รับใช้ประชากรชาวโลกมานานก็ต้องถึงเวลาก้าวลง
จากบัลลังค์นี้เสียที

Sunday, September 22, 2013

วิธีทำให้ vios ใช้e85ได้

ผมอ่านเจอจาก club vios เห็นว่าน่าสนใจดี เลยเอามาเก็บไว้ เผื่อวันหลังใช้รถ toyota จะได้ลองดู
 http://www.newviosclub.com/forums/viewtopic.php?f=2&t=101159


***************
รถผม new vios 2011 ป้ายแดง ใช้ได้แค่ e20 มีปั๊ม e85 อยู่ใกล้บ้านเลยลองผิดลองถูกจนสำเร็จ

ผมใช้ E85 โดยไม่ได้ทำอะไรเลย ตั้งแต่ 10000โล แรก ปัจจุบัน 78000 โล ยังปกติ ใช้e85 ตลอดไม่ได้เติมอย่างอื่นเลย

เช็คระยะ ที่ศูนย์ตลอดปกติดี ศูนย์ไม่รู้ด้วย ว่าใช้น้ำมัน e85 อายุรถ 2 ปีพอดีแล้ว ขับไปทำงานทุกวัน วันละ 40 โล ปกติดี

มาดูขั้นตอนการทำให้ใช้น้ำมัน e 85 กันดีกว่า

1. ต้องใช้น้ำมันเก่าในถังให้เหลือน้อยที่สุด แล้วเติมน้ำมัน e85 สัก 300 ใช้ไปให้หมด แล้วเติมใหม่ ให้แน่ใจว่ามีแต่น้ำมัน e85 อย่างเดียว

รถอาจจะวิ่งอืด เร่งไม่ขึ้น ขับยาก หน่อย เป็นบ้างคัน เพราะเราจะจูนใช้น้ำมัน e85

2. ถอดขั้วแบตเตอรี่ ออก ขั้วลบ ก็ได้ อันเดียว ทิ้งไว้ 5 นาที เพื่อ รีเซ็ต กล่อง ecu เสร็จแล้วใส่เหมือนเดิม

3. การจูนน้ำมัน สำคัญมาก สตาร์ทเครื่อง ไม่ต้องวิ่งนะ เปิดแอร์ได้ จอดรถในร่ม ไม่ตากแดด เหยียบคันเร่ง ค้าง ให้รอบเครื่องอยู่ที่ 2000 รอบตลอด

ประมาณ 15 นาที หรือจนกว่า คันเร่งจะนิ่ง สำคัญมากนะ กล่อง ecu จะจำค่าไว้และจูนน้ำมัน หนา บาง ย้ำ ไม่ต้องวิ่งรถ จอดเฉยๆๆ

4. การจำค่าการเข้าเกียร์ แบบไหนก็วิ่งได้ตามใจชอบ ประมาณ 20- 50 โล จะเป็นการจำค่ารูปแบบการขับขี่

แบบประหยัด ขับรอบเครื่องไม่เกิน 2000 รอบ จนกว่าความเร็วจะได้ 80 k/h ประมาณ 20-50 โล ผมใช้ถนนวงแหวนวิ่งยาวๆๆๆ

แบบแรง ขับรอบเครื่องสูงๆๆๆ หยีบตามใจ ประมาณ 20-50 โล

แค่นี้ก็เสร็จแล้ว

5. กล่อง ecu จะจำค่านี้ไว้ ถอดแบบเตอรี่ทุกครั้งต้องทำไหม่ ถ้าเปลี่ยนแบตเตอรี่ให้หาสายไฟมา

จั๊มที่ขั่วสายไฟรถต่อกับแบตเตอรี่มอเตอร์ไซร์ ก่อนถอนแบตเตอรี่ออก จะทำให้ไม่ต้องเซ็ตค่าใหม่

6. ไฟรูปเครื่องยนต์ จะไม่โชว์ ถ้าโชว์แปร ว่าจูนน้ำมันตาม ข้อ3 ไม่สำเร็จ ลองทำใหม่ตั้งแต่ข้อ 1 นะครับ

การ reset ECU รถยนตร์


วิธี Reset กล่องECU และการเก็บรักษาmemoryเมื่อต้องถอดแบตออก

ความ ทรงจำของ Escape มันมีความทรงจำด้วยนะครับ คือความทรงจำในการฉีดน้ำมันแบบที่ปรับแต่ง (TRIM) จน Optimize แล้วครับเพื่อประสิทธิภาพสูงสุด ด้วยอัตราสิ้นเปลือง น้อยที่สุด เท่าที่มันจะทำได้ บันทึกอยู่ใน กล่อง PCM หรือที่เราเรียกกันทั่วไปว่า ECU อยู่ในบริเวณหน่วยความจำแบบ RAM บริเวณที่เรียกชื่อสมมุติว่า KAM (Keep Alive Memory) ความจำนี้ใช้เป็น ตัวเลขอ้างถึงคาบเวลา ในการฉีด น้ำมัน เพื่อประสิทธิภาพสูงสุดดังกล่าว ความทรงจำนี้มีทั้ง ดี และ ไม่ดี ครับ ซึ่งวันนี้เราจะมาทำ DIY แบบมือปล่าวกันครับ คือไม่ต้องใช้เครื่องมืออะไรเลย นอกจาก ประแจปากตายเพื่อไข ขั้วแตอร์รี่ออก และ กุญแจรถ Escape ที่เราใช้อยู่ทุกวันเท่านั้น แต่ก่อนจะลงมือ ทำกัน ขอทำความเข้าใจต่อก่อนว่า ความจำอันนี้ มันเกิดขึ้นเมื่อใด โครงสร้างของมัน ประกอบไปด้วย อะไรบ้าง และธรรมชาติของมัน เริ่มเลยละกั
ความจำนี้ต้องมีอยู่ตลอดเวลาเมื่อใช้รถ ความจำนี้มีที่มาอยู่สองแบบ แบบแรกคือ
แบบ ก. Default ตั้งมาจากโรงงาน แบบกลางๆพอใช้งานได้ แต่ในบางครั้งอาจไม่เหมาะกับรถคันนั้นในขณะนั้น กับ
แบบ ข. ที่มาเรียนรู้จากการใช้งานจริงของ Escape คันนั้น ในระยะเวลานั้น ความจำนี้แบ่ง ออกเป็นสองช่วงคือ

1 ช่วงคือช่วงเดินเบา (Idle) และ
2 ช่วงปานกลางและรอบสูง

ความ จำนี้ จะหายไปเมื่อไม่ไม่มีไฟมาเลี้ยง แมมโมรี่ ภายในกล่อง PCM และเมื่อมีไฟมาเลี้ยงเมื่อ.ใด มันจะเริ่ม ต้นด้วยความจำแบบ ก. ก่อนแล้วภายในระยะเวลาต่อมา มันจะเริ่มขบวนการเรียนรู้ ไปในระยะเวลานึง ประมาณ 30 นาทีเมือใช้รถ หรือ ประมาณระยะทางวิ่ง 50 กิโลเมตร(จากการสังเกตุนะครับ) นับจาก การเริ่ม Reset เป็นต้นมา หลังจากระยะทางดังกล่าวแล้วผ่านพ้นไปแล้ว ขบวนการเรียนรู้จะสิ้นสุดลง รถก็จะต้องใช้ ตารางนั้นๆในการทำงานต่อไปจนกว่าจะมีการ Reset ครั้งต่อไป หมายความว่าในช่วงนี้ ถ้าขบวนการเรียนรู้ไม่ดี ก็จะมีความทรงจำที่ไม่ดีพอ คือได้มาแต่แบบก.ไม่สามารถสร้างตารางแบบข ได้ทัน ทีนี้มันเกิดขึ้นได้ตอนไหนมั่งครับ ก็คืออาจจะเป็นตอนไปเปลี่ยนแบตเตอรี่ บ้าง ตอนไปให้ช่างติดเครื่องเสียงบ้าง หรือตอนไปให้ช่างเปลี่ยนไดชาร์ทบ้าง การใดก็ตามที่มีความจำเป็นทีต้องถอดแบตออกในระหว่างทำงานนั้น แต่หลายคนอาจ จะรู้ถึงเรื่องนี้อยู่แล้วบ้างก็ตาม