Wednesday, May 19, 2010

19 พค 53 สงครามกลางเมืองทั่วประเทศไทย

ขอบันทึกไว้เลยว่าวันที่ 19 พค 2553 เป็นวันที่เกิดสงครามกลางเมืองทั้งใน กทม และในจังหวัดใหญ่ๆหลายจังหวัดทางอีสาน และเชียงใหม่ รัฐบาลได้สลายการชุมนุมที่ราชประสงค์สำเร็จ แต่ก็เกิดผู้ก่อการร้ายกระจายไปทั่ว กทม เผาสารพัดที่ รัฐบาลพยายามควบคุมสถานการณ์โดยการประกาศเคอร์ฟิวเป็นครั้งแรกในรอบ 18 ปี ห้ามออกนอกบ้านตั้งแต่ 20.00 - 6.00 ของวันที่ 20 พค คนทั้ง กทม ระดมเติมน้ำมันจนหมดปั๊ม แล้วเร่งซื้อหาอาหารต่างๆกักตุนจนอาหารหมดทั้ร้านสะดวกซื้อ ห้างสรรพสินค้าต่างๆก็ขายดีจนของหมดไปตามๆกัน รถเมล์ รถ BTS MRT บขส หยุดทั้งหมด แถม ศอฉ ก็ปรับรายการทีวีทุกช่องให้เป็นรายการพิเศษจนหมด

สิ่งที่เกิดขึ้นในแง่ของไอทีคือ
1.ที่บริษัทผมพนักงานทุกคนทำงานอยู่กับบ้านตั้งแต่วันจันทร์ที่ 17 พคจนถึง 19 และประกาศให้วันที่ 20 พคให้ทำงานที่บ้านต่อ จนกว่าสถานการณ์จะเข้าสู่ภาวะปกติปลอดภัยต่อพนักงานที่จะเดินทางไปที่ทำงาน โดยมีผลกระทบต่อการดำเนินธุรกิจน้อยมากเพราะพนักงานยังทำงานอยู่ที่บ้านโดยใช้โน๊ตบุ๊คผ่านระบบ VPN over internet connection ได้อย่างสบาย ระบบ VPN นี้ได้รับการออกแบบให้รองรับการเชื่อมต่อของพนักงานกว่า 2 พันคนพร้อมกันในกรณีเกิดเหตุฉุกเฉิน แต่เราก็ไม่เคยได้ใช้ความสามารถของ VPN จนถึงขีดจำกัดนั้น

2.ระบบสื่อสารของโทรศัพท์มือถือ AIS แทบจะล่มเพราะมีคนใช้งานจำนวนมากจนโทรออกยากมากๆ โทรทีไรก็ error in connection ตลอด คงใช้ได้เฉพาะ SMS เท่านั้น อันนี้เป็นเพราะเครือข่ายของ AIS รับมือกับการใช้งานจำนวนมากไม่ได้เพราะคนเดินทางไม่ได้ก็เลยโทรหากันแทน พนักงานของบริษัทบางส่วนที่ใช้การเชื่อมต่อโดย air card จะประสบปัญหาความเร็วในการใช้งานช้ามากๆจนแทบใช้ไม่ได้ อันนี้สาเหตุหลักเพราะเครือข่าย GSM มัน shared voice กับ data traffic บน bandwidth เดียวกัน ขนาด voice ยังโทรไม่ออก ดังนั้น data ก็ไม่มีทางสื่อสารได้ จึงต้องแนะนำให้พนักงานที่มี ADSL ที่บ้านเลี่ยงไปใช้ ADSL แทน

3.ธนาคารและตลาดหลักทรัพย์จะปิดทั้งประเทศในวันที่ 20-21 พค แถมยังมีข่าวว่าตู้ ATM ทั้งหมดก็ปิด 2 วันด้วย ให้คนรีบไปกดเงินภายใน 19 พค นี่เรื่องใหญ่เลย เทคโนโลยีอะไรก็ช่วยไม่ได้ ต้องรีบไปกดเงินก่อน

4.ตึก Central World โดนไฟไหม้ พนักงานของบริษัทต่างๆที่ตึก Central world ที่ทำงานนอกสถานที่มาหลายวันแม้จะไม่กระทบอะไรในตอนแรก แต่พอไฟไหม้ปุ๊ปมันจะลามไปถึงห้อง server อันนี้พนักงานทุกคนต้องก็อปปี้ข้อมูลออกมาจาก server ก่อนที่ไฟจะไหม้หมด แต่เข้าใจว่าข้อมูลมีจำนวนมากเป็นสิบๆ ร้อยๆกิกะไบตท์ จะให้ copy ผ่าน internet ในเวลาแค่ 1-2 ชั่วโมงมันเป็นไปไม่ได้ คาดว่าข้อมูลจำนวนมากคงโดนเผาไฟไปแล้ว แต่ถ้าบริษัทเหล่านั้นมีการสำรองข้อมูล และส่งไปเก็บนอกสถานที่ทุกอาทิตย์แล้ว ความเสียหายที่เกิดขึ้นก็ไำม่มากนัก เพราะเรียกคืนข้อมูลส่วนใหญ่จากเทปได้ งานนี้ก็ต้องมาดูกันว่าจะมีบริษัทที่ไม่ได้สำรองข้อมูลมากขนาดไหน

5 ระบบ internet ช้ามากๆ เพราะคนอยู่บ้านกันหมด เรียกดูข้อมูลจากเว็บข่าวดังๆจนเว็บแทบล่ม เว็บดังๆอย่าง pantip, กรุงเทพธุรกิจ ผู้จัดการ อืดมากๆ แถมเว็บเหล่านี้ยังมีทั้ง flash ทั้งรูปโฆษณาจำนวนมากอีก ทำให้ยิ่งโหลดช้ามากขึ้นอีก เจ้าของเว็บควรที่จะต้องถอด flash และโฆษณาต่างๆ รวมทั้งรูปภาพที่ไม่จำเป็นออกทั้งหมด เ้พื่อให้ web server สามารถรองรับจำนวนผู้ใช้ที่เพิ่มอย่างมหาศาลได้ อันนี้เว็บนอกอย่าง cnn ก็เคยทำช่วงเหตุการณ์ 9/11 ที่ตึก World Trade โดนถล่ม แต่เว็บไทยไม่เอาบทเรียนเหล่านั้นมาใช้ หลังจากเหตุการณ์ฉุกเฉินในวันนี้ เว็บไซต์ต่างๆของไทยควรทบทวนแผนรับมือ traffic ในสภาวะฉุกเฉินไว้ด้วย

โดยสรุปแล้ว เหตุการณ์ความไม่สงบครั้งนี้ได้สร้างบทเรียนทางธุรกิจจำนวนมากให้คนไอทีไปหาทางแก้ปัญหาว่าทำอย่างไรธุรกิจจึงจะดำเนินต่อไปได้ภายใต้เหตุฉุกเฉินโดยมีผลกระทบน้อยที่สุด นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่เกิดเหตุการณ์ความไม่สงบ และผมเชื่อว่าเรายังต้องมีเหตุการณ์ความไม่สงบทางการเมืองไปอีกอย่างน้อย 6-12 เดือนข้างหน้า ลากไปจนถึงปี 54 นั่นแหละ ผู้จัดการไอทีทั้งหลายไปหาทางรับมือไว้ให้ดีๆ

No comments:

Post a Comment